ความจริง Anna and the French Kiss เป็นหนังสือที่เราเห็นใน book hual ของ booktuber ทั้งหลายแล้วอยากได้มาก มันเป็นหนึ่งในงานซีีรีส์ของ Stephanie Perkins ที่จะยังมีอีก 2 เล่มด้วยกัน จนมีพี่จากในพันทิปส่งมาให้ เขาซื้อมาจากร้านหนังสือในฟิลิปปินส์ พออ่านจบแล้วก็ส่งให้เราตอนแวะกลับมาเยี่ยมบ้านที่ไทย เราได้มานานมากแล้วเหมือนกัน ถ้าจำไม่ผิดก็กลางๆปี 2014 โน่นแน่ะ แต่กว่าเราจะได้อ่านก็นานมากแล้ว น่าจะกลางปีที่แล้วได้มั้ง ฮ่าๆ นานจัด กว่าจะมีเวลาทำรีวิว
เรื่องราวของ Anna เด็กสาวม.ปลายที่มีพ่อเป็นนักเขียนนิยายน้ำเน่าที่เพิ่งดังเป็นพลุแตก (อ่านๆไปแล้วรู้สึกเหมือนคนเขียนแอบจิกลุงนิคยังไงชอบกล) อยู่ดีๆนางก็ถูกพ่อจับส่งไปเรียนโรงเรียนประจำที่ปารีสโน่น ทั้งๆที่เธอกำลังไปได้สวยกับหนุ่มคนคุยที่ทำงานพาร์ทไทม์ด้วยกันที่โรงหนัง ชีวิตกับเพื่อนสนิทก็เฮฮากันดี ไปอยู่ที่โน่นเธอได้พบกับเพื่อนใหม่และหนุ่มลูกครึ่งอังกฤษ-ฝรั่งเศสอย่าง Étienne St. Clair แม้เขาจะมีแฟนสาวรุ่นพี่เป็นตัวเป็นตนแล้วแต่ Anna ก็อดที่จะตกหลุมรักไม่ได้
เนื้อเรื่องก็ออกแนว puppy love ตามประสา YA เนื้อหาเบาๆน่ารักๆน่ะแหละ ส่วนตัวเราชอบบุคลิกของ Anna ตรงที่นางเป็นคนชอบดูหนัง ถึงขั้นมีบล็อกวิจารณ์หนังของตัวเอง แล้วก็มีความมุ่งมั่นที่จะเรียนในสาขาที่เกี่ยวข้อง เราฟินแทนนางมากที่ได้ไปดูหนังในโรงดีๆในปารีส จะว่าไป Stephanie บรรยายลัษณะของตัวละครแต่ละตัวเก่งมากเลยนะ มันชัดเจนจนเหมือนเรามองเห็นแต่ละคนอยู่ตรงหน้า ทำให้เรารู้สึกผูกพันกับตัวละครง่ายมาก เหมือนเป็นร่วมชั้นเลยก็ว่าได้ รู้สึกแปลกในเชิงบวกอยู่หน่อยนึงกับพระเอก คือไม่มีบุคลิกอะไรที่เรารู้สึกอยากได้น่ะ ปกติเวลาอ่านอะไรหลายเรื่องจะรู้สึกคล้อยตามว่าพระเอกดูเป็นที่น่าอยากได้จัง ทั้งคุณสมบัติและรูปสมบัติ แต่กับ
Étienne นี่เราเฉยๆนะ ก็ไม่ได้รู้สึกแย่ แค่ไม่นึกอยากได้ตามนางเอกอะ หรือเพราะเขาบรรยายว่าค่อนข้างเตี้ยก็ไม่รู้สินะ แต่มันทำให้เรารู้สึกดีแปลกๆบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าเรายอมรับเขาเป็นพระเอกได้แม้เราจะไม่ได้หลงใหลในตัวเขาน่ะ จะว่าไปเรากลับชอบ Josh (ที่เดี๋ยวจะเป็นพระเอกในอีกเรื่องของซีรีส์นี้) มากกว่าซะอีก
ในมุมนึงของเรื่อง Anna ดูเหมือนเป็นนางร้ายอยู่หน่อยๆ นางไปชอบคนที่มีเจ้าของแล้ว แม้จะพยายามห้ามใจแต่ก็ไม่พยายามเอาตัวออกห่างเท่าที่ควร อิตา Étienne พระเอกก็พอกัน ทั้งๆที่ตัวเองมีแฟนแล้วก็ยังปันใจให้กับคนที่รู้สึกตรงสเป็คมากกว่า ทำไมไม่รีบบอกเลิกคนเก่าให้มันจบๆไปก่อนเริ่มศึกษาดูใจคนใหม่ละ แต่ก็พูดยากนะ บางทีเราก็ดูไม่ออกว่าเรามีใจให้ใครมากกว่าเพื่อนรึเปล่าน่ะ แต่รวมๆแล้วก็ไม่ได้มีอะไรให้ลำไยมากจนน่ารำคาญอะ อ่านได้แบบเรื่อยๆเพลินๆดี
ส่วนตัวรู้สึกว่าฉากฟินๆจิ้นๆมีน้อยไปนิด ไม่สมกับความเป็นปารีสเลย ไม่รู้เพราะชื่อมันที่มีคำว่า French Kiss หรือเปล่าที่ทำให้เราคาดหวังมากเกินไปแบบนั้น แต่ฉากฟินที่เด่นๆหน่อยเหมือนจะมีแค่ 2 ฉากเอง คือฉากในโรงหนังกับฉากนอนหอพัก ใครที่ชอบแบบจิกหมอนปรอทแตกอาจจะต้องผิดหวังนะ เรื่องนี้เขาออกแนวใสๆมากกว่า มีจุ๊บเจิ๊บกันบ้างพอหอมปากหอมคอ แล้วก็น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีบรรยากาศของปารีสเยอะเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะเรารู้สึกปารีสค่อนข้างดี ก็เลยคิดว่ามันน่าจะสนุกกว่าถ้าสามารถบรรยายฉากและสถานที่ได้ละเอียดยิบกว่านี้
ภาษาอ่านง่ายมากๆ แทบไม่มีศัพท์ที่ไม่รู้ความหมายโผล่มาให้เห็นเลย มีบ้างนิดๆหน่อยๆแต่จะไม่หาก็ได้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแกนของเรื่องอะไร ภาษาออกแนวเสียดสีเหน็บแนมเล็กๆเวลาเล่าหรืออธิบายถึงบางอย่าง เราชอบอะไรแบบนี้นะ มันไม่ทื่อๆน่าเบื่อดีอะ ทำให้ยิ้มได้แม้มันจะไม่ใช่เรื่องตลก
อ่านอะไรต่อดี >> Lola and the Boy Next Door และ Isla and the Happily Ever After ของ Stephanie Perkins