Sunday 11 February 2018

I'm Not Your Perfect Mexican Daughter


I'm Not Your Perfect Mexican Daughter - Erika L. Sánchez

เรียกว่าเป็นวรรณกรรมลาติโนเล่มแรกที่อ่านเลยแหละ ตั้งความหวังไว้สูงมากหลังจากที่ได้อ่านเรื่องย่อจากในเวบ เราก็กดเข้า wish list แบบไม่ลังเลเลย ส่วนตัวเราชอบงาน diversity อยู่แล้ว พยายามจะหาหนังสือที่เข้าข่ายนี้มาอ่านมากๆ เราว่าหนังสือแนวนี้มันมีเสน่ห์ของมัน

ขึ้นชื่่อว่าเม็กซิกัน เท่าที่เรารู้ก็จะเป็นสังคมของชาวคาทอลิคที่เคร่งครัดระดับนึง จะบอกว่ายังเป็นสังคมแบบอนุรักษ์นิยมอยู่ก็คงไม่เกินจริงไปนัก และแน่นอนตามชื่อหนังสือเลย ทุกคนคาดหวังในตัวลูกสาวว่าจะต้องเติบโตขึ้นมาเป็นไปตามแบบแผนที่ดีของผู้หญิงเม็กซิกัน คือไม่ได้ต้องเรียนสูงมาก มีความเรียบร้อย เป็นแม่บ้านแม่เรือน ไม่เข้าสังคมจัด ไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ แต่งตัวไม่ชะเวิกชะวาก ไม่ย้ายจากบ้านพ่อแม่ไปไหนจนกว่าจะแต่งงาน หากว่าผู้สาวเม็กซิกันสักคนจะเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับความคาดหวังพวกนี้ละ จะเกิดอะไรขึ้น อันนี้คือประเด็นหลักของหนังสือเลย และมักจะเป็นประเด็นที่ดึงดูดเราให้ติดตามตลอดไม่ว่าหนังสือหรือหนังละครอะไรก็ตามที่พูดถึงเรื่องนี้ เราชอบเสพย์ความกดดันในประเด็นนี้ที่คนแต่งมอบให้

Julia คือตัวดำเนินเรื่องหลัก เธอเติบโตมาในครอบครัวชาวเม็กซิกันอพยพที่มาตั้งรกราใน Chicago เธอมีพี่สาวคนนึงชื่อว่า Olga ผู้เป็นสาวเม็กซิกันที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างแม้กระทั่งรูปสมบัติ ต่างกับตัว Julia เองไปแทบทุกอย่างเช่นกัน หลายๆอย่างที่ Julia เป็นก็คล้ายๆกับตัวเรา อ่านไปแล้วก็อดสะท้อนใจตัวเองไม่ได้ พลางนึกโชคดีว่าเราไม่มีพี่สาวให้เปรียบเทียบแบบนั้น ไม่งั้นเราคงอกแตกตายไปนานแล้ว เนื้อเรื่องเปิดมาในจุดที่ทำให้เรารับรู้ว่า Olga เพิ่งเสียชีวิตไปเพราะอุบัติเหตุ ทุกคนในครอบครัวเศร้ามาก คงามสัมพันธ์ของ Julia กับพ่อแม่จากที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นักอยู่แล้วยิ่งดูเหมือนจะแย่หนักลงไปกว่าเดิม พ่อที่เอาแต่ทำงาน เซื่องๆซึมๆ ไม่ค่อยพูดกับ Julia เท่าไหร่ก็ยิ่งดูห่างเหินกับเธอออกไปอีก แม้แต่กับแม่ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดก่อนที่จะเกิดเรื่องก็พอกัน การตายของ Olga เหมือนจะเป็นชนวนอะไรบางอย่างที่ตอกย้ำให้ความแตกต่างระหว่างสองพี่น้องมันชัดเจนยิ่งขึ้นในสายตาของแม่

แต่แล้ววันนึง Julia ก็พบกับกล่องเก็บของปริศนาในห้องนอนของพี่สาว เป็นกล่องที่เต็มไปด้วยความลับ เธอพยายามที่ขุดคุ้ยความลับนั้นด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นผล เธอจึงนำไปปรึกษาคนรอบตัวหลายคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสาวคนสนิทของเธอเองหรือเพื่อนสนิทของพี่สาวผู้ล่วงลับ แต่คำตอบที่ได้ก็มีแต่จะบอกให้เธอเลิกพยายามซะ หรือขุดคุ้ยไปมันจะได้อะไรดีขึ้นมา ไหนๆพี่สาวตายไปแล้วก็ปล่อยให้ความลับของพี่ตายไปพร้อมกับเธอไม่ได้เหรอ ทำไม Julia ต้องไปแคะไค้ด้วย เนื้องเรื่องและบทสนทนาตรงนี้โดนใจเรามากๆ มันทำให้เรารู้สึกว่าถ้าคำตอบที่เรา (คืออินตัวเองในการเป็น Julia มากเบอร์นี้) กำลังตามหาจะประกาศให้โลกรู้ว่าตัวชั้นไม่ใช่ลูกสาวที่นอกคอกเพียงคนเดียวละ ทุกคนต้องได้รับรู้ความจริงนี้สิวะเฮ้ย มันไม่แฟร์รึเปล่าวะถ้าพี่สาวชั้นที่คนคิดว่าดีกันหมดจะแอบไปทำอะไรบางอย่างที่ไม่ดี ในขณะที่รักษาภาพพจน์อันดีต่อหน้าที่บ้าน ผลคือมีแต่กูคนเดียวที่โดนรุมสับเพราะกูไม่ใช่คนตีสองหน้า

ความสนุกของ I'm Not Your Perfect Mexican Daughter สำหรับเรานั้นอยู่ที่การตามหาความลับของพี่สาวนี่แหละ เราลุ้นไปตลอดว่าสิ่งที่ Olga ปกปิดไว้คืออะไร มันจะมีอะไรไม่ดีหรือเปล่า ถ้าไม่ดี มันแย่มากแค่ไหน เบๆหรือจะดาร์คโคตรๆ แล้วถ้ามันมีจริงๆ Julia จะตัดสินใจทำยังไงต่อไป เธอจะเลือกที่จะปกป้องพี่สาว ปล่อยให้ความลับนั้นตายไปพร้อมกับพี่ หรือเธอจะเลือกการแฉเป็นทางออก จะไม่ยอมให้ตัวเองถูกมองเป็นเด็กไม่ดีอยู่คนเดียว กระชากหน้ากากนังพี่สาวผู้ตีสองหน้าออกซะ หยิบยื่นความยุติธรรมให้กับตัวเอง อ่าาาาา ลุ้นระทึกเป็นบ้าเลยแหละ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถ้าคนอย่างเราเป็น Julia เราจะเลือกทางไหน ฮ่าๆ

ตั้งแต่เริ่มอ่านจนอ่านจบ รู้สึกว่านี่แหละสมแล้วกับที่มีรายชื่อเข้าชิงรางวัลหนังสือแห่งชาติ สนุกจนวางไม่ลงจริงๆ เป็นหนังสือที่เราเลือกมาอ่านในช่วงวันสิ้นปี อ่านมันแบบหามรุ่งหามค่ำ อ่านแบบไม่ยอมหลับยอมนอน เช้าต้องเตรียมงานปาร์ตี้ก็ยังอ่านกันจนนาทีสุดท้าย ถ้าปิ้งหม่าล่าไปแล้วอ่านไปด้วยได้นี่คงทำไปแล้ว แต่อ่านไปกินไปนี้แน่นอน ฮ่าๆ การบรรยายหลายๆอย่างเห็นภาพมาก ทั้งบุคลิกของผู้คน สถานที่ สำนวนประชดประชันของ Julia ก็เหมาะสมมากกับที่เธอมีความฝันจะเป็นนักเขียน ได้รู้ธรรมเนียมและการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนเม็กซิกันดีมากด้วย โดยเฉพาะเรื่องอาหาร ทำเอาน้ำลายสอไปหลายตอน ถ้า Erika Sánchez มีผลงานออกมาอีกเราต้องติดตามต่อแน่ๆ จุดเสียมีแค่เล็กน้อยเท่านั้นคือ ในความเป็นคนเม็กซิกันอพยพของพ่อแม่ ภาษาอังกฤษจึงไม่แข็งแรง ก็เลยมีบทสนทนาที่เป็นภาษาสเปนสไตล์เม็กซิกันแทรกมาเยอะพอสมควร ต้องไปเปิด google translate เอาถึงจะเข้าใจ เพราะบางคำค่อนข้างสำคัญต่อเนื้อเรื่องช่วงนั้น เดาเอาแบบสุ่มๆเกรงจะผิดความหมายได้

ประเดิมวรรณกรรมลาติโนเล่มแรกก็เรียกว่าติดใจเลยละ ตั้งใจว่าจะหามาอ่านอีกเรื่อยๆ สำหรับใครที่อยากจะหามาอ่านก็แนะนำเลยนะ อาจจะไม่ซีเรียสขนาด The Hate U Give ที่เขา raise ประเด็นทางสังคมอย่างจริงจัง แต่ก็มีความเครียดความลุ้นอยู่พอตัวเลยแหละ ถ้ายังไม่เคยลองอ่านวรรณกรรมลาติโนก็อยากแนะนำให้ I'm Not Your Perfect Mexican Daughter เป็นตัวเลือกแรกนะ เพราะอ่านไม่ยากแบบวรรณกรรมชั้นครูของนักเขียนรุ่นเดอะหรอก

อ่านอะไรต่อดี >> The Hate U Give by Angie Thomas and Gabi, a Girl in Pieces by Isabel Quintero


post signature

Friday 9 February 2018

January 2018 | eBook & book haul


อัพเดทช้ามาเป็นห้วงจากเดือนก่อน แต่ก็รีบเขียนและรีบอัพตามสัญญา เพราะเดือนนี้ไม่ได้ซื้อมาก แถมมีที่ได้มาฟรีอีกด้วย มาดูเลยดีกว่า

ไฟ - ประภัสสร เสวิกุล

ไฟ - ประภัสสร เสวิกุล

นานๆทีจะซื้อนิยายไทย นานมากจนจำไม่ได้ เอาที่ผู้แต่งเป็นคนไทยจริงๆอะนะ น่าจะสมัยอยู่มหาลัยมั้ง แต่ครั้งนี้ไปรู้จักเล่มนี้มาจากในพันทิป มีคนเคยอ่านแล้วติดใจ อยากอ่านต่อ เลยมาถามหาในนั้น เนื้อเรื่องที่เล่าก็โคตรแซบ ผิดขนบนิยายไทยมากๆ พอได้รู้ว่าใครแต่งนี่แทบเอามือทาบอกพร้อมอ้าปากหวอ เฮ้ย นี่มันใช่คนเดียวกับที่แต่งวรรณกรรมละเมียดละไมอย่างเวลาในขวดแก้วเหรอวะ หลังจากที่ตามหาจากร้านมือสองในเนทก็เลยได้มาที่ 70 บาท 

Abroad: Book One - Liz Jacobs

Abroad: Book One - Liz Jacobs

มีวันนึงก็นั่งส่องหนังสือจากที่ดู booktuber เขา haul กันไป จนไปเตะตาเข้ากับเล่มนี้ ราคางามมาก $0.99 เท่านั้น บวกกับที่เป็น YA ของ LGBTIQ+ ด้วย แถมมีตัวละครที่เป็นคนผิวดำอีก อะโหยย ครบเครื่องเลย แพ้ทางมากๆ เลยกดโหลดมาอย่างใจง่าย เพราะมีเงินเหลืออยู่ดอลกว่าๆ

Seta - Alessandro Baricco

Seta - Alessandro Baricco

เล่มนี้ได้มาจากการเล่นแลกหนังสือเป็นของขวัญปีใหม่กับรุ่นน้องที่มหาลัย ถูกใจมากๆเพราะกำลังอยากลองอ่านวรรณกรรมอิตาลีอยู่พอดี เอาจริงๆไม่รู้ว่าเกี่ยวกับอะไรเลย รู้แค่มันแปลว่าไหม แหงแหละเพราะหน้าปกเขียนไว้ตัวเบ้อเร่อ แล้วรุ่นน้องบอกไว้ว่าทำเป็นหนังมาแล้วด้วย หวังว่าเราจะถูกใจ เล่มไม่หนามากดีด้วยน่า จะอ่านจบไว


ความฝันของไอน์สไตน์ - Alan Rightman

ความฝันของไอน์สไตน์ - Alan Rightman

ส่วนเล่มนี้ก็ได้มาจากน้องคนเดียวกัน จริงๆตกลงกันว่าจะส่งแค่เล่มเดียว น้องเขาส่งมาสองเพราะเลือกไม่ได้ว่าจะให้อันไหนกับเราดี ซึ่งเราก็ถูกใจทั้งสองเล่มจริงๆนั่นแหละ เล่มบางไม่ต่างจากเล่มที่แล้ว เท่าที่รู้คือเป็นนิยายที่เกี่ยวกับเวลา ประมาณว่าเวลาหมุนกลับได้ด้วยตัวเองอะไรทำนองนี้ ดูฉลาดๆ ฮ่าๆ ไม่รู้จะอ่านเก็ทหรือเปล่า แต่คิดว่าน่าจะออกแนวเป็นปรัชญามากกว่าอะไรที่อ่านเอาสนุกแบบ dystopian น่ะนะ

สรุปว่าเดือนมกราได้มาทั้งหมด 4 เล่มด้วยกัน คิดว่าคงจะพักยาวๆก่อนแหละ เคลียร์ของเดิมที่มีให้หมดไปซะครึ่งนึงก่อนน่าจะดี ไว้ไปดูหลังสงกรานต์โน่นเลยว่าจะซื้ออะไรต่อดีไหม ช่วงนี้จะเพลาๆการเสพย์คลิป book haul ของชาวบ้านไปก่อน


post signature


Wednesday 7 February 2018

December 2017 | eBook haul

เป็นการอัพบล็อก haul ที่เลทไปเป็นเดือนเพราะมัวแต่อ่านหนังสือที่บ้าโหลดมาซะเยอะแยะ ที่โหลดมาเยอะขนาดนั้นเพราะว่างเว้นจากการซื้อหนังสือไป 4 เดือนเต็ม ตั้งใจว่าจะทยอยอ่านของเดิมให้พร่องไปก่อนซักครึ่งนึงก็ยังดี (ถามว่าทำได้มั้ย ก็ไม่) ค่อยซื้อเพิ่ม แต่ด้วยความที่หมั่นเข้าๆออกๆเยี่ยม wish list ของตัวเองเป็นประจำอยู่แล้ว ก็เลยไปเจอจังหวะหนังสือลดราคาพอดี บวกกับดูมาจาก booktuber เพิ่มด้วยอีกจำนวนนึง สรุปเดือนธันวาเราสอยหนังสือไป 3 รอบด้วยกัน ได้มามากมายหลายเล่ม ของฟรีก็พอมีจากที่โหลดไว้ขำๆตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก่อนที่จะเริ่มช็อปจริง

Professed - Nicola Rendell
Professed - Nicola Rendell
เล่มนี้โหลดมาฟรีๆเลย ประเดิมช่วงของการโหลดหนังสือด้วยการเข้าไปส่องหาหนังสือฟรี แล้วก็พบกับเล่มนี้ เห็นได้ดาวดีพอสมควรอยู่ แต่ชอบเนื้อหาแซบๆของมันซะมากกว่า นักศึกษาสาวที่ Yale นางนึงเจอกับผู้ชายหล่อลาก หุ่นดี จูบเก่ง แล้วก็สปาร์คกันไวมากเว่อร์ จนวันรุ่งขึ้นถึงพบว่าตานี่เป็นอาจารย์ใหม่ที่คณะ แถมเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์นางด้วยสิ แถมเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่อพาร์ทเมนท์เดียวกับนางอีก เหยยย แซบเกิ๊น แบบนี้รีบกดโหลดมาอย่างไว

Best of Both Worlds - N.R. Walker

Best of Both Worlds - N.R. Walker

ยังอยู่กับของฟรีฮะ คราวนี้มาที่นิยายเกย์กันบ้าง แต่ตอนแรกที่สนใจเพราะเขาโปรยไว้ว่าบทนึงจะมีแค่ 100 คำ เห็นแค่นี้คืออยากลองอ่านเลย พอดูเนื้อเรื่องก็ชอบ เป็นความรักของเกย์ที่เจอกันในบาร์เพราะทำงานด้วยกัน ฝ่ายนึงอยากช่วยให้อีกคนลืมอดีตร้ายๆ แต่ไม่รู้เขาจะเปิดใจได้มั้ย ฟังแล้วน้ำเน่านิดนึง แต่อยากรู้มากเขาจะเขียนออกมาแบบไหนให้มันเป็นบทละ 100 คำ

Finding Audrey - Sophie Kinsella

Finding Audrey - Sophie Kinsella 

เล่มนี้ของนักเขียนดัง แล้วลดราคาลงเหลือ $1.99 เท่านั้น จะไม่คว้าไว้ยังไงไหว เล่มนี้จะออกแนว YA นะ เกี่ยวกับ Audrey ที่ไม่ยอมออกจากบ้าน แถมชอบใส่แว่นดำตลอดเวลา จนวันนึงเพื่อนของพี่ชายมาพยายามพานางออกจากบ้าน เริ่มต้นจากการไปกินกาแฟที่ Starbucks ก่อน ดูมีทรง coming of age เบาๆ ด้วยราคาเท่านี้เลยต้องรีบโหลดก่อน กลัวขึ้นพรวดๆ

Amy & Roger's Epic Detour - Morgan Matson

Amy & Roger's Epic Detour - Morgan Matson 

นี่ก็เป็นอีกเล่มที่เล็งมานานมากหลายปี ไม่ลดซักที พอลดทีนึงก็ตู้มเลยครับ $1.99 เราชอบอยู่แล้วด้วยเรื่องที่เกี่ยวกับการออกเดินทาง Amy กับ Roger ต้องเดินทางไปด้วยกัน ขับรถจาก California ไป Connecticut โหยย โคตรไกลอะ ครึ่งประเทศเลยมั้งน่ะ ไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทางบ้าง จะดราม่าหรือตลกยังไงเราก็ไม่เคยรู้มาก่อน ด้วยความที่อยากอ่านอยู่แล้วยังไงก็เอา

Me and Earl and the Dying Girl - Jesse Andrews

Me and Earl and the Dying Girl - Jesse Andrews 

อันนี้ก็เล็งไว้นานมากไม่แพ้เล่มที่แล้ว ที่ยังไม่โหลดซะทีเพราะราคาสูงเอาการ พอเห็นราคาลงมาจนน่าพอใจที่ $3.52 ไม่คิดว่าจะลงได้กว่านี้อีกแล้ว ถึงตกลงปลงใจโหลดมา เราไม่ค่อยรู้มากเกี่ยวกับเล่มนี้ รู้แค่มันดัง เป็นเรื่องของเด็กม.ปลายชายสองคนที่สนิทกันมาก คนนึงออกแนวเก็บตัว คนนึงก็ทั่วไป สองคนนี้ชอบทำหนังสั้นด้วยกัน จนวันนึงมีเด็กผู้หญิงที่ป่วยเป็นลูคีเมียเข้ามา ชีวิตสองคนนี้เลยเปลี่ยน คงต้องตามต่อว่าจะเปลี่ยนไปในทางไหน

180 Seconds - Jessica Park

180 Seconds - Jessica Park  

เล่มนี้สารภาพเลยว่าโหลดมาถม gift card ให้เต็มๆไปงั้นเอง อะไรที่มูลค่าไม่เกินสองดอลและดูน่าอ่านก็เอาๆมา เลยได้เล่มนี้มาที่ $1.99 จ้า เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนนึงที่อยู่บ้านกำพร้า แล้วต้องย้ายหลายบ้านมาก จนตอน 16 ถึงมีคนมารับอุปการะไปซะที จนวันนึงนางไปเข้าร่วมการทดลองอะไรสักอย่างไม่รู้ นัยว่าจะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล เห็นมันเป็นทั้ง new adult ทั้ง romance ด้วยนะ

I Am Not Your Perfect Mexican Daughter - Erika Sanchez

I Am Not Your Perfect Mexican Daughter - Erika Sanchez 

ในที่สุดก็จัดงานจากนักเขียนละตินอเมริกาซะที เราเก็บเข้า wish list ไว้สักพักแล้วนะ จนวันนึงเปิดมาเจอ เฮ้ย ลดราคาว่ะ แค่ $2.99 เอง รีบสอยเลยด้วยความดีใจ เป็นเรื่องของเด็กสาวลูกผู้อพยพเม็กซิกันที่มาตั้งรกรากในชิคาโก เธอโตมากับการถูกเปรียบเทียบกับพี่สาวของเธอตลอด จริงๆเราอ่านจบแล้ว ไว้จะรีวิวอีกที โหลดมาด้วยความรู้สึกชอบความกดดันที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของครอบครัว เราแพ้ทางแนวนี้มากจริงๆ แล้วจะบอกว่าเป็น finalist ของ national book award ด้วยนะเออ

P.S. from Paris - Marc Levy

P.S. from Paris - Marc Levy 
เล่มนี้จำไม่ได้ละว่าเห็นจากไหน ก็คงตอนเข้าๆออกๆแหละมั้ง ยอมรับว่าสะดุดหน้าปกก่อน รู้สึกมันเข้ากับปารีสดีจัง ได้ฟีลของ Noting Hills เบาๆด้วย เพราะนางเอกเป็นนักแสดงส่วนพระเอกเป็นนักเขียน แล้วทั้งคู่ไปเจอกันในเวบ dating แอร๊ยยย โรแมนติคมากเวอร์ เนื้อเรื่องเกิดที่ปารีสอีกตะหาก เมืองแห่งความรักที่อบอวล ราคาก็กำลังดี ไม่มากไม่น้อยที่

The First Phone Call From The Heaven - Mitch Albom

The First Phone Call From The Heaven - Mitch Albom

มาถึงงานของนักเขียนดังกันมั่ง ระหว่างที่ browse ดูเพลินๆ ก็เจอเข้ากับเล่มนี้ โอ้โห งานระดับ New York Times Bestseller ลดราคาแค่ $1.99 แบบนี้ไม่โหลดก็บ้าแล้ว จากที่ติดใจกับงานเก่าของ Mitch มาก่อนหน้านี้ เล่มนี้มีเหรอจะพลาดได้

A Year with Rumi: Daily Readings - Coleman Barks

A Year with Rumi: Daily Readings - Coleman Barks 

อันนี้ก็ส่องเจอโดยบังเอิญ เป็นการรวมบทกวีของ Rumi ส่วนตัวไม่เคยอ่านนะ แต่เวลาดูหนังจะเจอตัวละครที่ชอบเอาคำพูดของ Rumi มาอ้างอิงเยอะมากๆ ฟังแล้วมีเสน่ห์ดี พอมาเจอเล่มรวมแบบนี้ก็ต้องโหลดกันหน่อยแหละ กะว่าแบ่งอ่านวันละบทหรือวันละหน้าอะไรก็แล้วแต่ เข้าใจว่าในหนังสือคงบอกไว้ว่าแต่ละวันต้องอ่านถึงไหน เล่มนี้ $1.99

The Keeper of Lost Things - Ruth Hogan

The Keeper of Lost Things - Ruth Hogan

มาอีกแล้วกับเล่มโหลดมาถม gift card ฮ่าๆๆ จำไม่ได้ละว่าเหลือเงินเท่าไหร่ตอนนั้น น่าจะไม่มาก เลยมองหาอะไรที่แบบดอลหน่อยๆ ก็มาลงตัวเข้ากับเล่มนี้ ราคา $1.10 เป็นเรื่องของชายคนนึงที่เก็บของหาย ของที่คนลืมทิ้ง ทำตกไว้ตามที่ต่างๆ แล้วก็เขียนเรื่องราวของมัน เขาตั้งใจอยากให้ของพวกนี้ได้คืนกลับสู่เจ้าของ จนได้ผู้หญิงอีกคนที่ย้ายเมืองมาใหม่มาเป็นผู้ช่วย

First & Then - Emma Mills

First & Then - Emma Mills

สำหรับเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่คุ้นตามานานพอสมควร แต่ไม่ได้อยู่ใน wish list นะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนนึงที่แอบชอบเพื่อนสนิทอยู่ วันดีคืนดีลูกพี่ลูกน้องกับเพื่อนของเขาก็เข้ามาในชีวิตเธอ มาสร้างความปั่นป่วนอะไรบางอย่าง ที่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร นี่ก็ยังงงๆอยู่ว่าเอ๊ะ โหลดมาทำไมวะ จำฟีลลิ่งจี๊ดๆตอนโหลดไม่ได้ละว่าเพราะอะไร ด้วยราคา $2.99 น่าจะต้องมีอะไรที่จี๊ดมากถึงทำให้โหลดได้

Ask Him Why - Catherine Ryan Hyde

Ask Him Why - Catherine Ryan Hyde

ยังเป็นอีกเล่มที่ส่องเจอโดยบังเอิญนะ แบบเห็นมัน $0.99 นี่ละ แล้วได้เรทดีเชียว เลยลองกดดูว่าเกี่ยวกับอะไร เกี่ยวกับพี่น้องสองคนที่พี่ชายคนโตโดนส่งไปรบที่อิรักตั้งแต่ยังวัยรุ่น กลับมาก็ได้รับบาดเจ็บ แล้วอยู่ๆก็หายตัวไป จนสองพี่น้องที่เหลือต้องออกตามหาและพบกับความลับที่ดำมืดมากของพี่ชาย ไอ้แนวๆค้นหาความลับดำมืดนี่ละชอบจริ๊งเรา

Allie and Bea - Catherine Ryan Hyde

Allie and Bea - Catherine Ryan Hyde

เรื่องนี้ผู้แต่งคนเดียวกับอันบน Bea หญิงม่ายผัวตายที่โดนหลอกเงินจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว บ้านเบิ้นไม่มีให้ซุกหัว นางเลยหอบแมวหนีไปพักใจที่มหาสมุทรแปซิฟิค ส่วน Allie เด็กสาว 15 ที่พ่อแม่ติดคุกข้อหาฉ้อโกง ก็โดนส่งไปบ้านกำพร้า แต่โดนรังแกหนักมากหรืออะไรทำนองนั้น จนต้องคิดหนีออกมา แล้วสองคนก็ได้มาเจอกัน ตอนแรกแอบหวังว่าจะเป็นแนวเลสเบี้ยนมั้ย แต่คิดว่าคงไม่ น่าจะออกแนวมิตรภาพอบอุ่นของคนแปลกหน้าและมีกลิ่น coming of age ซะมากกว่า เล่มนี้ $1.99

Charmingly Yours - Liz Tally

Charmingly Yours - Liz Tally
ส่วนเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่ browse เจอแล้วชอบเนื้อหา เลยกดเข้า wish list ไว้สักพักนึง เกี่ยวกับสาวเจ้าของร้านขายผ้าในมิสซิสซิปปี้ ที่อยู่ๆเพื่อนรักมาด่วนจากไปซะงั้น แต่ทิ้งของขวัญบางอย่างไว้ให้ ที่ทำให้เธอต้องเดินทางไปไกลถึงนิวยอร์ก แม่เธอคัดค้านตอนแรก แต่เธอก็ไม่ฟัง พอไปถึงโน่นก็ไปพบรักหนุ่มอิตาลี เรื่องดูเหมือนไม่มีจุดเด่นอะไร แต่เราชอบหนุ่มอิตาเลียนและอาหารไง ฮ่าๆ ก็โหลดมาขำๆ

Far From The Tree - Robin Benway

Far From The Tree - Robin Benway

เมื่อกี้เราพูดถึง national book award ไปแล้วใช่มั้ย นี่แหละ โฉมหน้าผู้ชนะแห่งปีจ้า ตอนแรกเห็นว้อบแว้บตาม booktube อะนะ จำปกได้ แต่พอเห็นราคาถูกกระฉูดขนาดนี้ $1.09 เองอะ เลยรีบโหลดไว้ก่อน หนังสือรางวัลชนะเลิศต้องดีแน่ๆ หลังจากนั้นถึงตามไปอ่านเนื้อเรื่อง เกี่ยวกับวัยรุ่นที่แม่ตัดสินใจยกให้คนรับเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะ เธอรู้ว่าจริงๆเธอมีพี่น้องร่วมสายเลือดอีกสองคน เธอออกตามหาพี่น้องตัวเองที่ก็ถูกแม่ส่งไปยังที่ต่างๆกัน ทั้งสองคนมีชีวิตที่ต่างกันมากพอสมควรด้วย เดี๋ยวต้องรีบอ่านให้รู้ไปเลยว่าทำไมถึงได้รางวัล

บ้าไปแล้ว เขียนจนเหนื่อย ทั้งหมดมี 16 เล่ม หักจากที่โหลดฟรีๆ 2 ก็เท่ากับจ่ายไป 14 เล่ม สำหรับเป็นของขวัญคริสต์มาสและปีใหม่ให้ตัวเอง รวมๆก็ยังคงวนเวียนกับพวก YA และ contemporary ตามประสา แต่มีหนังสือดีๆเกรดรางวัลติดมาด้วย นานๆจะได้มาแบบราคาลด ฟินเป็นบ้า แอบบอกว่าเดือนมกราก็มีทั้งของซื้อและของได้มาจากการเล่นแลกหนังสือกับรุ่นน้อง จะเป็นอะไรไว้มาดูกันใน haul ตอนหน้าที่จะพยายามอัพในเร็ววันนี้


post signature

Monday 21 August 2017

When Dimple Met Rishi


When Dimple Met Rishi

ไม่ค่อยบ่อยนักที่เราจะได้อ่านงานจากนักเขียนอินเดียที่เริ่มมีผลงานดังจากในฝั่งอเมริกาก่อน อย่าง When Dimple Met Rishi นี้เป็นผลงานของ Sandhya Menon ที่ไม่ได้ดังจากในประเทศอินเดียเองเหมือนอย่างงานของนักเขียนอินเดียชื่อดังคนอื่นๆ แน่นอนว่าเราเห็นเล่มนี้มาจาก booktuber อีกแล้ว ส่วนตัวเราอยากลองอ่านงานเขียนจากนักเขียนอินเดียที่มีพล็อคอิงไปทางความเป็นอเมริกันมากขึ้นกว่าที่เราอ่านงานของ Chetan Bhagat ที่ยังมีความเป็นอินเดียอยู่สูง

เรื่องทั้งหมดว่าด้วยเด็กหนุ่มสาว 2 คนที่ชื่อ Dimple Shah และ Rishi Petal ทั้งสองคนนี้ถูกพ่อแม่ให้ดูตัว และถ้าโอเคก็อยากให้แต่งงานกัน ซึ่งแน่นอนว่า geek สาวหัวสมัยใหม่อย่าง Dimple ไม่ชอบใจแน่ๆ ส่วน Rishi หนุ่มแสนดีที่พยายามทำตัวให้ตรงตามที่พ่อแม่คาดหวังก็ไม่ได้ขัดอะไร เขาเดินทางไปแคมป์แข่งสร้างแอพฯมือถือที่ Dimple ไปเข้าร่วม สองคนนี้เจอกันก็ค่อนข้าง cliché แหละ ไม่ชอบขี้หน้า (เพิ่งนึกได้ตอนเขียนโพสต์นี้เลยว่าทำไมหน้าปกถึงมีแก้วกาแฟที่คล้าย Starbucks และทำไมต้องวงเล็บไว้ต่อท้ายคำว่าไม่ชอบขี้หน้า ลองไปติดตามเอาเอง) เริ่มประทับใจ จนญาติดีกันในที่สุด และแน่นอนว่าในการเข้าร่วมแข่งขันทำแอพฯนี้ทั้งสองคนจับคู่กัน (ด้วยความไม่เต็มใจนักของ Dimple ในช่วงแรกๆ) แต่พอเริ่มญาติดีกันแล้วทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี

อิการประกวดทำแอพฯนี้มีเจ้าของงานเป็นผู้หญิงคนนึงที่ดังมากในโลกดิจิตอล จะบอกว่าเธอคนนี้คือไอดอลของ Dimple เลยก็ว่าได้ นางเลยตั้งใจกับทุกๆอย่างมาก มากจนไปกดดันเอากับ Rishi อย่างชนิดที่เรารำคาญแทน อ่านไปก็หงุดหงิดไป ว่าต่อให้เอ็งจับคู่กับคนที่ตั้งใจมาเพื่อเข้าแคมป์เหมือนๆกัน (Rishi เรียนอีกด้านและมาแค่เพื่อดูตัว) แล้วไปไล่จี้กดดันเขาแบบนี้ก็ไม่ถูก มันดู bossy และแพ้ไม่เป็นอะ คือคนอื่นทั่วไปก็คงอยากชนะแหละ เหมือนได้เป็น portfolio หรือมีเครดิตให้กับตัวเองก่อนเข้ามหาลัย ซึ่งมันก็ดีที่ทำแบบนั้น แต่ Dimple นี่เหมือนเป็นพลังติ่งไอดอลซะมากกว่า ดูมันรุนแรงเกินกว่าความอยากสร้าง port สำหรับการเรียนไปมาก มากจนดูงี่เง่าและเหมือนคนบ้า

แต่จุดที่เราชอบกลับเป็นความแตกต่างที่ลงตัวของทั้งสองคนนี้ นิสัยบางอย่างของ Dimple กลับช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ Rishi ขาดได้ ในขณะที่เขาเองก็มีสิ่งที่ Dimple ไม่มี และคนอ่านแบบเราเห็นด้วยว่าควรจะต้องมี หรือความแตกต่างกันระหว่างพี่ชายน้องชายตระกูล Patel คนนึงจะเรียนด้าน engineer (ก็อิตา Rishi เนี่ยละ) อีกคนออกแนวนักกีฬา ทั้งสองคนเหมือนเกิดมาจากคนละครอบครัว Rishi ดูเก็บกด เป็นตัวของตัวเองมากไม่ได้ในแง่ความฝันความชอบ เหมือนต้องแบกภาระความเป็นลูกคนโตของครอบครัวนักธุรกิจไอทีเอาไว้จนยอมทิ้งความฝันตัวเอง เอาจริงๆอ่านไปลำไยไปในความคิดของตานี่ แบบถ้ามีผู้ชายคนไหนที่คิดงี้มาจีบเรานะ ต่อให้หน้าแกะแบบจาก Brad Pitt สมัยเล่น Meet Joe Black มาก็เหอะ ชั้นเขี่ยตกกระป๋องเลย คือไม่ชอบเอามากๆเลยคนที่ยอมอ่อนให้ที่บ้านแล้วเลือกจะทิ้งความฝันตัวเอง ดูเป็นคนไม่มีค่า ไม่รู้จะสู้กับใครหรือกับอะไรเพื่อเราได้มั้ย รำคาญความเป็นแบบนี้ของ Rishi มากพอกับที่รำคาญความบ้าเอาชนะรางวัลทำแอพฯ ของยัย Dimple เลย แต่ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าเออ ไอ้สองอย่างนี้มันขั้วตรงข้ามกันเลยนี่หว่า Dimple ไม่ได้ต้องการเป็นสาวสวย แต่งหน้าไปหาผัวแบบที่แม่อยากให้เป็น นางดื้อรั้นที่จะเป็นในแบบที่ชอบ หัวฟู ใส่แว่น หน้าไม่แต่ง ชั้นจะนั่งเขียนโค้ดสร้างแอพ แต่นางก็มุ่งมั่นมากเกินจนเอาความอยากเอาชนะ อยากสำเร็จของตัวเองไปไล่กดดันเอากับชาวบ้านโดยไม่จำเป็น บางทีมันทำให้ดูไม่น่าคบเลยอะ ส่วนอิตา Rishi ที่ต้องแอบซ่อนพรสวรรค์ในการเขียนการ์ตูนไว้ เขากลับดูเข้าใจโลกมากกว่าในอีกมุมนึง ดูเป็นคนรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้จักปลงได้ง่ายกว่าเมื่ออะไรๆไม่เป็นไปตามใจคิด ไม่เอาแต่โวยวายหัวเสีย

เนื้อเรื่องไม่มีอะไรซับซ้อนมาก พล็อตเดาออกค่อนข้างจะง่าย แต่ก็สนุกไปกับการลุ้นว่าสองคนนี้จะชนะรางวัลมั้ย มีทั้งรางวัลประกวดการแสดงที่ได้เงินไปพัฒนาแอพฯ กับรางวัลในการสร้างแอพฯจริงๆที่จะต้องแข่งกัน มีความลำไยในความสับสนทางความคิดของ Dimple เข้ามาแทรกเป็นระยะๆ ด้วยความบ้าบออยากเป็นที่หนึ่ง อยากประสบความสำเร็จให้ได้แบบไอดอลของนาง เรื่องอะไรที่เข้ามากระทบไม่ว่าจะเรื่องเพื่อนเรื่องความรัก นางต้องสลัดออกให้หมด ทำยังกับว่าได้ผัวแล้วสมองจะทื่อมะลื่อคิดงานไม่ออกไปตลอดชีวิตงั้นแหละ รำคาญในความประสาทเสียแบบนี้ของนางเป็นระยะๆตลอดเรื่อง รวมๆก็ถือว่าอ่านได้เพลินๆดี ไม่มีอะไรให้ติดในแง่พล็อตหรือการเขียน เหมือนกับว่ารำคาญนิสัยนางเอกมากกว่านั่นแหละ อีกจุดที่ดูจะแปลกๆคือมีการพูดอฮินดีในเรื่องโดยที่ไม่แปล ดีนะที่เราเป็นติ่งอินเดียเลยอ่านเข้าใจ ได้เรียนภาษาฮินดีมาบ้าง นี่ก็งงๆเหมือนกันว่าอิพวก booktuber จะอ่านแล้วอินเหรอ มีภาษาที่ตัวเองไม่รู้ตั้งหลายรอบ ใครที่ไม่มีพื้นภาษาฮินดีมาอ่านก็อาจจะเอ๋อได้นิดๆในบ้างช่วง แต่ไม่มีผลกระทบกับเส้นเรื่องแน่นอน

อ่านอะไรต่อดี >> 2 States by Chetan Bhagat

post signature

Saturday 19 August 2017

The Hate U Give


The Hate U Give

นี่เป็นหนังสือที่เราได้ยินจาก book haul แค่เพียงครั้งเดียวก็ทำให้เรารีบเก็บเข้า wish list ใน Amazon ทันที The Hate U Give ผลงานจาก Angie Thomas ว่าด้วยเรื่องราวชีวิตในสังคมคนดำของเด็กสาวผิวดำที่ชื่อ Starr Carter ชีวิตของเธอเติบโตมาในย่านชุมชนคนดำ แต่พ่อแม่พยายามผลักดันให้เธอเข้าเรียนโรงเรียนที่เธอจะได้มีสังคมดๆีอย่างโรงเรียนของคนขาวที่อยู่นอกเขตชุมชนตัวเอง Starr เลยเกิดความรู้สึกไม่ fit in กับทั้งสองสังคมอยู่บ่อยครั้ง ในยามที่ต้องอยู่กับเพื่อนๆที่โรงเรียน เธอต้องระวังตัวเองไม่ให้แสดงท่าทางอะไรที่มัน too black ในหมู่เพื่อน หรือเวลาอยู่กับเพื่อนๆในหมู่บ้านคนดำ พวกเพื่อนเหล่านั้นก็มีความรู้สึกเหมือนเธอโดน white wash ไปแล้วซะอย่างงั้นเพียงเพราะเธอเข้าโรงเรียนของคนขาว

เนื้อเรื่องโดยส่วนใหญ่เริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อเพื่อนชายในวัยเด็กของเธอที่ชื่อ Khalil โดนตำรวจผิวขาววิสามัญฆาตกรรมต่อหน้าเธอข้างๆรถของเขา เธอเลยกลายเป็นพยานปากเอกในคดีครั้งนี้ ประเด็นซีเรียสหลักๆของเนื้อหาทั้งหมดคือการที่ตำรวจผิวขาวในอเมริกามีการวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัยที่เป็นกลุ่มคนผิวดำบ่อยขึ้นมากกว่ายุคก่อนๆ ทำให้ผู้คนในสังคมโดยเฉพาะคนดำเอง รวมทั้ง people of colors จากประเทศต่างๆเกิดความไม่พอใจและตั้งคำถามถึงปัญหานี้ ซีนกระชากอารมณ์ก็มีอยู่หลายจุด แต่จุดที่ทำให้เรา break down จริงๆคือตอนที่ Starr ไปงานศพของ Khalil นี่ละ Angie เขียนอธิบายฉากนี้ได้โคตรสะเทือนใจเลย เด็กหญิงอายุ 16 ต้องมางานศพเพื่อนตัวเองที่วัยเท่าๆกัน แถมเธอยังเห็นการตายของเขาต่อหน้าต่อตาโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้ เรื่องนี้มันยากเกินใจจะอดทนจริงๆ วันนั้นเราพก Kindle เราไปนั่งอ่านไปกินไปที่ร้านไก่ผู้พัน พอถึงฉากนี้เราน้ำตาไหลอาบแก้มเลย มันกลั้นไว้ไม่ไหวจริง ทั้งสงสาร Starr ทั้งเจ็บแค้นในชะตากรรมที่ Khalil ต้องประสบ

พ่อแม่ของ Starr ซัพพอร์ทเธอดีมากๆทั้งในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่และความรู้สึกของเธอหลังจากเหตุการณ์บ้าๆนั้นเกิดขึ้น ต้องคอยพาเธอตระเวนไปพบให้ปากคำ ไปพบทนายเพื่อซักซ้อมในการไต่สวน มีไปออกรายการทีวีด้วย และในที่สุดก็ต้องไปขึ้นศาล เนื้อเรื่องจะวนๆกับความเครียดของ Starr ในจุดนี้มากพอสมควร มันเป็นการยากที่ Srarr จะต้องเปิดเผยตัวว่าเธอนี่ละคือพยานเด็กสาวในคดีตำรวจผิวขาวยิงเด็กหนุ่มผิวดำหน้ารถวันนั้น เพราะเพื่อนๆที่โรงเรียนก็จะรู้ นอกจากนี้ยังมีมาเฟียใหญ่ของแก๊งค์ค้ายาที่กลัวความลับถูกเปิดโปงเข้ามาร่วมด้วย ถ้าเธอเลือกจะพูดความจริงไปทั้งหมด ชีวิตของคนในครอบครัวเธอก็จะอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ Starr เครียดจนอ้วกไปหลายรอบมากเท่าที่จำได้ เพราะเธอต้องเลือกระหว่างเรื่องของตัวเองกับการทวงความยุติธรรมให้เพื่อน ความเครียดทุกอย่างนี้ถูกตัดสลับกับความไม่ค่อยจะลงรอยกันของเธอกับเพื่อนสาวอีกคนนึงในกลุ่ม รวมทั้งปัญหาเบาๆกับพ่อเรื่องที่เธอมีแฟนหนุ่มเป็นคนผิวขาว เราว่ามันดีที่มีเนื้อเรื่องมาเสริมให้เราไม่ต้องโฟกัสไปกับเรื่องเครียดๆของคดีจนเกินไป ทำให้เราได้เห็น Starr ในอีกมุมว่าเธอเป็นยังไงเวลาที่อยู่กับเพื่อนหรืออยู่กับแฟน

อีกจุดที่เราคิดว่าหนักเอาการคือเรื่องราวชีวิตของคนดำ มันเหมือนต้องสาป มันเหมือนวงจรอุบาทว์อะไรสักอย่างที่มักโดนคนมองแต่ภายนอกแล้วตัดสินว่าไม่ดี ในขณะที่ก็มีคนดำบางกลุ่มทำตัวไม่ดี เป็นแก๊งค์ค้าขาย เป็นอันธพาลจริงๆ เรื่องนี้ถือได้ว่าตีแผ่ให้เห็นสภาพชีวิตและวัฒธรรมของคนดำในยุคใหม่ได้ดีเลย แต่นั่นก็นำมาซึ่งคำศัพท์หลายๆอย่างที่คนไทยอาจจะไม่เข้าใจ เป็นแสลงที่ใช้กันเฉพาะในกลุ่มคนดำ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดทั่วไปอย่าง A'ight ที่แปลว่า All right หรือคำที่ใช้เรียกสิ่งของอย่างรองเท้า Nike รุ่น Air Jordan เขาก็จะมีวิธีเรียนในแบบของเขาที่คนทั่วไปที่ไม่ใช่ sneakerhead อาจจะไม่เข้าใจ รวมไปทั้งเรื่องทางวัฒนธรรมอย่าง Black Jesus ที่เราอาจจะไม่เคยรู้จักมาก่อน นี่ยังไม่นับศัพท์ที่เกี่ยวกับเรื่องแก๊งค์ค้ายานะ ทั้งตำแหน่งคน ทั้งอะไรต่อมิอะไรเยอะมาก อ่านเล่มนี้ต้องเปิด urban dictionary ไปด้วยรัวๆเลย dict built-in ใน Kindle เอาไม่อยู่ แต่เชื่อมั้ยว่ายิ่งอ่านก็ยิ่งอยากเห็นเล่มนี้เอามาแปลเป็นไทย อยากจะรู้ว่าเขาจะแปลออกมายังไง เลือกใช้คำแบบไหน เราว่ามันแปลยากเอาการเลย คนแปลต้องทำการบ้านเกี่ยวกับชีวิตคนดำในรูปแบบชาวแก๊งค์มากพอสมควรเลยถึงจะแปลได้อย่างเข้าถึง

เรื่องนี้เป็น it's a must เลย เราแนะนำทุกคนให้อ่านจริงๆนะ เราอ่านจบแล้วชอบมากๆ ถ้าเราจะต้องให้ของขวัญใครเป็นหนังสือ ไม่ว่าเขาจะเพศใดวัยไหน เราเลือกเล่มนี้แน่นอน อยากให้ทุกคนได้อ่านกัน ถึงแม้ว่ามันจะเครียด กดดัน มีน้ำตา แต่มันเต็มไปด้วยความดีงามของพลังการต่อสู้กับความไม่ยุติธรรม มันอาจจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนตัวเล็กๆอย่างพวกเราได้หันมา stand up and speak out บ้างก็ได้ เราเชื่อว่าสังคมไทยยังคงต้องการคนแบบ Starr จริงๆนั่นแหละ

อ่านอะไรต่อดี >> Wing Jones by Katherine Webber, Dear Martin by Nic Stone


post signature
Copyright © 2014 That bitch reads!

Designed By Darmowe dodatki na blogi