Tuesday 30 September 2014

ความรักครั้งสุดท้าย


ถ้าจะพูดถึงนักเขียนหญิงที่เขียนนิยายไทยที่เราชอบมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นเธอคนนี้ค่ะ สุวรรณี สุคนธา และงานเรื่องโปรดจากฝีมือของเธอที่เราจะหยิบยกมาพูดถึงในวันนี้ก็คือ ความรักครั้งสุดท้าย นิยายรักที่ทำให้เราได้รู้ซึ้งถึงอารมณ์อ่อนไหวของผู้หญิงได้เป็นอย่างดีค่ะ

                                                                                                   Source

ความรักครั้งสุดท้ายกล่าวถึงชีวิตรักของ "รส" แม่มายสาวลูกสาม ที่หาเลี้ยงชีพด้วยการเขียนภาพประกอบนิยาย เธอมีความรักที่เกิดมาจากแรงขับของความเหงา อ้างว้าง ว้าเหว่ในจิตใจ ทั้งหมดนี้ทำให้เธอโหยหาที่จะมีใครสักคน ที่เขาจะรักเธอได้อย่างจริงจัง และวาดหวังให้มันเป็นความรักครั้งสุดท้ายในชีวิตของเธอ สุวรรณีบรรยายความรู้สึกของ "รส" ออกมาได้เศร้าและเหงาจับใจยิ่งนัก มันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ว้าเหว่และโหยหาความรักอย่างชนิดที่ลึกล้ำที่สุด หลายๆครั้งที่อ่านทำให้เรารู้สึกว่าเธอเอาตัวตนและชีวิตของเธอใส่ลงไปในตัวของ "รส" หรือเปล่า มันถึงออกมาได้อย่างลึกซึ้งมากมายขนาดนี้ เพราะด้วยประวัติส่วนตัวของเธอหลายๆอย่างแล้วก็ไปพ้องกับรายละเอียดของ "รส" อยู่หลายจุดเหมือนกัน

เราชอบการบรรยายในตอนที่รสไปเที่ยวกับพัทที่ถ้ำอะไรสักอย่างหนึ่ง ตอนนั้นฝนตก ทั้งสองคนเปียกโชกจึงเข้าไปหลบฝนที่ถ้ำแห่งนั้น และแน่นอนว่ามันจบที่การมีอะไรกัน หลังจากทีฝนซาและกลับมายังที่พักแล้ว รสบอกกับตัวเองว่าเธอยังไม่อยากจะอาบน้ำ เพราะเธออยากจะเก็บเอาความรู้สึกและสัมผัสทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายนี้เอาไว้กับตัวนานๆ ฟังดูแล้วอาจจะรู้สึกแหวะๆอยู่สักหน่อยสำหรับบางคน ไปมีอะไรกันในถ้ำเนี่ยนะ ถ้าเป็นฉันกลับมาก็คงรีบอาบน้ำอาบท่าแล้วละ แต่คนอ่อนไหวและซับซ้อนแบบเราสามารถเข้าใจความรู้สึกพวกนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นเลย และต้องขอบอกว่ามันเป็นจุดที่อิมแพ็คมากสำหรับเราของนิยายเรื่องนี้ค่ะ

ถึงแม้ว่ารสกับพัทดูจะรักกันมาก และพัทก็เข้ากับลูกๆทั้งสามของเธอได้เป็นอย่างดี แต่มันก็เหมือนมีอะไรบางอย่างคอยมากั้นไม่ให้ทั้งคู่ได้ลงเอยกันอยู่นั่นแล้ว คนอ่านอย่างเราก็พลอยหงุดหงิดอยู่หลายครั้งว่าทำไมมันไม่รักกันให้มันยืดๆเสียที (วะ) จนกระทั่งรสยอมเปิดใจกับศิลปินหนุ่มอย่างชิดเชื้อ ความรักของทั้งคู่ดูเหมือนจะงอกงามไปได้ด้วยดี แต่ก็ต้องมีอันพลิกผันเมื่อเขาตัดสินใจไปเรียนต่อที่อิตาลี และรสก็ต้องจมอยู่กับความเหงาและโดดเดี่ยวอีกครั้งหนึ่ง

อย่างที่หลายๆคนน่าจะคาดเดาได้ว่านิยายเรื่องนี้จบไม่ค่อยสวยแน่นอน นิยายทั้งหมดขับเคลื่อนไปบนความเหงาอ้างว้างของ "รส" เหมือนกับว่ามันเป็นมีดที่คอยกรีดเฉือนหัวใจเธอไปทีละน้อยๆจนมันเป็นแผลลึก และถึงมันจะเป็นแผลที่เจ็บปวดแต่มันก็งดงามทางอารมณ์มากสำหรับคนอ่านที่อ่อนไหวแบบเรานี้

อ่านอะไรต่อดี >> แผ่นดินของเรา ของ แม่อนงค์



Sunday 28 September 2014

แผ่นดินของเรา



... ดอกจันทร์กะพ้อร่วงพรู  แต่มิได้หล่นลงสู่พื้นดินทีเดียว ...

ทุกครั้งที่ได้เห็นถ้อยคำนี้ เรามักจะเห็นภาพของชายสูงวัยที่ยังเปลี่ยมล้นไปด้วยความสง่า ใบหน้าแฝงไว้ด้วยความใจดีเยือกเย็นผู้หนึ่ง ยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ และจ้องมองมันด้วยสายตาที่มีหลากหลายอารมณ์ระคนกัน

                                                                                                     Source

แผ่นดินของเรา ผลงานเลื่องชื่อของแม่อนงค์หรือที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นนามปากกาของครูมาลัย ชูพินิจ คือนิยายชีวิตที่ว่าด้วยโศกนาฏกรรมความรักที่เกิดขึ้นระหว่างหญิงสาวผู้ซึ่งมีหัวใจรักอิสระอย่างภคินี, ธำรง นายหัววัย 40 ที่เป็นเพื่อนต่างวัยของพ่อ, นเรนทร์ หนุ่มนักกฎหมายดีกรีด็อกเตอร์จากฝรั่งเศส  เขาเป็นหนุ่มเจ้าสำราญและเป็นคู่หมั้นของ ... อัจฉราพี่สาวต่างแม่ของภคินี ส่วนตัวเราเองรู้จักนิยายเรื่องนี้ครั้งแรกก็จากผลงานละครที่มีหม่อมน้อยเป็นผู้กำกับที่สร้างร่วมกับเอ็กแซ็กท์นั่นแหละ ตอนนั้นเรายังเรียนประถมด้วยซ้ำ ยังไม่สามารถจับความปราณีตบรรจงของบทประพันธ์หรือแม้แต่ศาสตร์การกำกับหนังและละครของหม่อมน้อยได้สักเท่าไหร่ แต่ที่เรารู้ก็คือละครเรื่องนี้แซบมาก มีผู้หญิงที่ชื่อภคนีได้กับผัวแก่รุ่นอาที่เป็นเพื่อนของพ่อ แล้วอยู่ดีๆเป็นชู้กับหนุ่มนักเรียนนอกที่เป็นคู่หมั้นของพี่สาวตัวเอง สุดท้ายหนีตามกันไปอยู่ต่างจังหวัด ด้วยความที่เป็นเด็กแก่แดดเลยถูกใจกับเนื้อหาอะไรที่แซบๆและแหวกขนบแบบนี้ ไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งไปมากกว่านั้นเลย ตอนที่ดูก็จำได้ว่าผู้แสดงทุกคนเล่นดี ตีบทแตกมากเท่านั้นเองจริงๆ และก็ชอบเพลงประกอบที่ขับร้องโดยคุณใหม่มากๆ รู้สึกว่าผู้แต่งตีความตามอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของภคินีออกมาได้อย่างหมดหัวใจจริงๆ

เรามีโอกาสได้กลับมาอ่านแผ่นดินของเราอีกครั้งช่วงม.ปลาย เป็นหนังสือที่อยู่ในชั้นของญาติคนที่เราเคยยืม Shanghai Baby มาอ่านนั่นแหละ นาทีนั้นที่ได้เห็นรู้สึกดีใจเหมือนพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ได้ก็ไม่ปาน เพราะเป็นนิยายที่อยากอ่านมานานมากแล้ว ตั้งแต่ครั้งนั้นที่ดูละครมันมีความรู้สึกที่ค้างคาใจว่าทำไมภคินีถึงตัดสินใจทำอะไรลงไปแบบนั้น มันเหมือนเป็นสิ่งที่เด็กวัย 10 ขวบแบบเราไม่เข้าใจ แต่เราจำไว้ว่าสักวันเราจะต้องทำความเข้าใจกับมันให้ได้ เราอ่านจบภายในรวดเดียวเลยค่ะ อ่านอย่างชนิดที่แทบจะไม่พักวางไปทำอะไรอย่างอื่นเลย ไดอะล็อกและการพรรณนาต่างๆตรึงเราไว้กับหนังสือได้อยู่หมัดทีเดียว 

หลังจากที่อ่านจบแล้วก็ให้สงสัยเป็นอันมากว่าเราจะนิยามผู้หญิงที่ชื่อภคินีว่าอย่างไรดี ด้วยความรู้สึกส่วนตัวที่คิดว่าคนเราควรจะมองอะไรจากหลายๆด้านและไม่ตัดสินใครก่อน ทำให้เรารู้สึกว่าภคินีเป็นผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกและความต้องการของตัวเองมากไป ในหลายๆครั้งมันมากเกินไปจนกลายเป็นความเห็นแก่ตัว สร้างความเดือดร้อนและเสียใจให้แก่คนรอบตัวของเธอ หรือถ้าจะมองแบบคนหัวเก่า ภคินีก็อาจจะเป็นแค่ผู้หญิงที่ยอมพ่ายแพ้ให้กับอำนาจฝ่ายต่ำ ถึงขั้นที่ยอมเป็นชู้กับคู่หมั้นของพี่สาวและหนีตามกันไปในที่สุด แต่เรายังเชื่อมาจนถึงทุกวันนี้นะว่าภคินีรักนเรนทร์จริงๆและถึงมันจะเป็นความรักแบบโง่ๆถึงขนาดยอมขายตัวเองแลกกับเงินอันน้อยนิดเพื่อเอาเงินพวกนั้นมารักษานเรนทร์ก็ตาม รักษาเขาที่เป็นโรคติดต่อทางเพศที่มันอาจจะแอบซ่อนมาตั้งแต่ครั้งที่เขายังใช้ชีวิตเป็นหนุ่มเจ้าสำราญจิ้มไปทั่วที่ฝรั่งเศส ไม่แน่ใจว่าเธอติดโรคมาจากเขาหรือเปล่า หรือว่ามาติดเอาจากลูกค้าคนอื่นๆหลังจากนั้น การตัดสินใจของภคินีตั้งแต่ต้นจนจบอาจจะมองได้ว่าเธอเป็นผู้หญงที่โง่และทำตัวเหลวแหลกไม่รักดีคนหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ทำให้เราและผู้อ่านหลายๆคนนึกรังเกียจเธอได้ลงเลยจริงๆ

สิ่งที่น่าทึ่งของนิยายเรื่องนี้อยู่ตรงที่ผู้เขียนซึ่งเป็นผู้ชายและเป็นคนที่เกิดในสมัยก่อนด้วย สามารถเขียนเรื่องราวในมุมมองของผู้หญิงออกมาได้ระห่ำผิดยุคสมัยยิ่งนัก เราขอใช้คำว่าระห่ำนี่แหละเพราะรู้สึกว่ามันตรงใจดี อ่านแล้วบางคนอาจจะนึกไปถึงหนังบู๊ล้างผลาญที่มีฌอง โคลด แวนแดมม์ มานำแสดงอะไรทำนองนั้น แต่คำว่าระห่ำสำหรับเราในที่นี้คือการตัดสินใจหลายๆอย่างของภคินีที่มันแหวกขนบ แหวกจารีต และแหกกฎทางศีลธรรมหลายๆอย่างออกไป นัยว่าทำอะไรตามใจตามความต้องการของฉันแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่แคร์ว่าจะมีใครต้องเดือดร้อนหรือเสียใจอะไรหรือไม่ จนถึงปัจจุบันนี้เราก็ยังไม่เคยพบนิยายไทยเล่มใดอีกเลยที่ผู้ชายจะสามารถกลั่นกรองเอาความรู้สึกนึกคิดถ่ายทอดผ่านตัวละครหญิงออกมาได้ดีขนาดนี้ ต้องขอคารวะครูมาลัยจริงๆค่ะ

... ดอกจันทร์กะพ้อร่วงพรู แต่มิได้หล่นลงสู่พื้นดินทีเดียว เกสรเล็กๆ แดงเรื่อแกมเหลืองลอยว่อนกระจัดพลัดพรายอยู่ในอากาศที่โปร่งสะอาดหน่อยหนึ่ง  เหมือนลวดลายของตาข่ายที่คลุมไตรพระ กลีบและเกสรอาจจะตกลงถูกเหยียบเป็นผุยผงไป โดยผู้คนที่เข้ามาพลุกพล่านอยู่ในบ้านวันนั้น แต่ไม่มีใครเลยจะสามารถทำความชอกช้ำให้แก่กลิ่นหอมหวนยวนใจของมันได้ กลิ่นที่ฟุ้งขจรอยู่ในอากาศซึ่งล่องลอยไปทั่วบริเวณบ้านอย่างที่มันเคนฟุ้งขจรมาแล้วตลอดชีวิต ต่างแต่วันนี้ แม้ในแสงสีแดดอ่อนเหลืองอร่ามของต้นฤดูเหมันต์ซึ่งเต้นอยู่ตามยอดหญ้าในสนาม แม้ในกระแสลมที่โชยพัดมาตามกิ่งพิกุลซุ้มสนหางสิงห์ตลอดจนกลุ่มเมฆที่ไหลรินอยู่บนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม  ก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยกลิ่นของมัน หอมหวนยิ่งขึ้น  ฉุนขึ้น สุขุมขึ้น รัดรึง ซึ้งใจ กำซาบซ่านไปตามสายโลหิต กลิ่นซึ่งเป็นชีวิตของทุกชิวิตใน “จีระเวสน์” แต่อดีตและชีวิตของ “จีระเวสน์” เองในปัจจุบัน ...


อ่านอะไรต่อดี >> ความรักครั้งสุดท้าย ของ สุวรรณี สุคนธา



Tuesday 2 September 2014

August 2014 | Book Haul

กลับมาพบกันอีกแล้วสำหรับการเห่อหนังสือที่ได้ซื้อหากันมาในช่วงเดือนที่แล้ว มาดูกันซิว่าเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเราได้หนังสือมาทั้งหมดกี่เล่ม 


1. My Life next Door by Huntley Fitzpatrick
กับหนังสือเล่มนี้ต้องบอกว่าเป็นการซื้อตามรีวิวของ booktuber เลยค่ะ เมื่อสัก 3 เดือนที่ผ่านมาเราเห็นว่ามันฮิตๆมาก ปกติแล้วเนี่ยเราจะไม่ค่อยได้อ่าน YA เท่าไหร่ เพราะส่วนมากที่เห็นคนเขาฮิตๆกันจะเป็นแนวแฟนตาซีซะส่วนมาก ซึ่งเราไม่ค่อยถูกโฉลกกับแนวนั้นค่ะ ส่วนเล่มนี้เป็นแนวร่วมสมัยที่เราจะสามารถอินกับมันได้มากกว่า จริงๆจะบอกว่าเป็นนิยายรักก็ไม่ผิดนะ แต่เราก็แอบงงเหมือนกันว่าฝรั่งเขาไม่มองว่าเนื้อเรื่องมันโตเกินความเป็น young adult ไปเหรอ เท่าที่เราฟังรีวิวเรื่องย่อมาคิดว่ามันน่าจะถูกจัดเข้ากลุ่ม new adult มากกว่านะ (กลุ่มผู้อ่านเป้าหมายคือคนอายุ 18-25 จะบอกว่าวัยมหาลัยถึง first jobber ก็ได้) เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับสาวคนนึงที่ตกหลุมรักหนุ่มข้างบ้านและครอบครัวที่แสนจะเอะอะมะเทิ่งและมีชีวิตชีวาของเขา เล่มนี้ักัดฟันซื้อใหม่สดๆซิงๆจาก Kinokuniya เลยเชียวนะ ราคา 300 กว่าๆบาทนี่ละค่ะ


2. Beauty Queens by Libba Bray
ยังคงเป็นอีกเล่มที่ซื้อตามรีวิวของ booktuber ค่ะ แต่เล่มนี้อาจจะไม่ได้ฮิตเป็นกระแสไปทั่วทุกหย่อมหญ้าแบบเล่มเมื่อกี้ แต่เนื้อหาของมันดึงดูดเราตั้งแต่เราดูเพียงแค่รีวิวเดียวเองค่ะ เนื้อเรื่องว่าด้วยกลุ่มผู้เข้าประกวดนางงามวัยรุ่นของอเมริกาที่ตอนแรกเข้าใจว่าจะได้ไปเก็บตัวกับกองประกวดที่เกาะสวยๆ มีทั้งซ้อมเต้นทั้งทำกิจกรรมอะไร แต่เครื่องบินกับ (ตั้งใจ) ตก เหลือแค่อาหารเล็กน้อยและของใช้ที่เหลือจากซากเครื่องบินเท่านั้น ชีวิตของพวกนางทั้งหลายจะเป็นยังไงต่อก็ติดตามอ่านค่ะ เราอ่านใกล้จบแล้ว บอกเลยว่าแซบมาก ได้มากจาก Kinokuniya พร้อมๆกับเล่มแรกละค่ะ ราคา 280 กว่าๆ


3. Anna and the French Kiss by Stephanie Perkins
เล่มนี้ได้มาจากการส่งต่อของพี่สมาชิกผู้ใจดีจากพันทิปค่ะ ต้องขอบคุณมาไว้ ณ ที่นี้ด้วย พี่เขาเห็นเราอยากได้พอดีและเขาอ่านจบแล้วก็เลยส่งมาให้ และสาเหตุที่อยากได้มากก็เพราะ booktuber อีกแล้วค่ะ ไม่เคยได้ยินใครไม่ชอบเลยนะ เนื้อเรื่องน่ารักน่าลุ้นมากจริงๆ สาวน้อยแอนนาจากอเมริกาที่กำลังเริ่มอินเลิฟกับพ่อหนุ่มที่ทำงานพิเศษด้วยกัน กับกลุ่มเพื่อนสาวก็สนุกเฮฮารักกันดี แต่โชคชะตาพลิกผันซะงั้น อยู่ดีๆพ่อจับส่งไปเข้าโรงเรียนประจำที่ปารีส ทั้งๆที่เธอใช้ฝรั่งเศสไม่ได้ด้วยซ้ำ โชคยังดีที่ได้สนิทกับหนุ่มหล่อคนใหม่ เขากลายมาเป็นเพื่อนที่แสนดี แต่ติดที่ว่าเขามีแฟนแล้วเนี่ยสิ ทางแอนนาเองก็เหมือนๆจะเป็นแฟนกับพ่อหนุ่มที่เคยกิ๊กกั๊กกันที่อเมริกา เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปต้องติดตามอ่านค่ะ ต้องน่ารักมากแน่ๆ

สรุปว่าเดือนนี้มีแต่หนังสือใหม่นะคะ เล่มที่ได้รับการส่งต่อมาก็สภาพดีมากจริงๆ ดูแทบไม่ออกว่ามีคนอ่านมาก่อนแล้วคนนึง แต่ก็ตั้งใจไว้ว่าจะซื้อแค่เดือนละเล่มเท่านั้นถ้าเป็นหนังสือใหม่ ส่วนหนังสือเก่าจากร้านประจำอนุโลมให้ซื้อได้สองเล่มค่ะ ยังไงอ่าน Beauty Queens จบก็จะเริ่ม Shantaram จริงๆแล้วค่ะ ผัดผ่อนเบบี๋มานานมากแล้ว เริ่มรู้สึกผิดแล้วสิ



Copyright © 2014 That bitch reads!

Designed By Darmowe dodatki na blogi