หากฟังจากชื่อแล้วคงไม่แปลกที่จะคิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเชิงเอนเตอร์เทนหรือจิกกัดสังคมไทยแบบขำขัน เพราะว่าในยุคนี้คำว่าติ่งมีความหมายไปในเชิงจิกกัดและล้อเลียนพฤติกรรมของผู้หญิงบางกลุ่มในสังคมไทยเรา แต่ไม่ใช่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจริงๆแล้ว ติ่ง เป็นหนังสือที่ถ่ายทอดถึงมุมมองของผู้เขียนอย่างปริตตาที่ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตเป็นอาสาสมัครอยู่ในเมืองบ้านนอกของอินเดียเป็นเวลาพอสมควร
รีบสรุปความดีงามของหนังสือเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ได้ ว่ามันเป็นหนังสือที่ถ่ายทอดมุมมองความคิดที่ค่อนข้างแยบคายและมองโลกมุมบวกได้ดีทีเดียวสำหรับผู้เขียนที่มีอายุ 20 กลางๆในสมัยนี้ ไม่ใช่ว่าจะดูถูกอะไรผู้เขียนนะ แต่บ้านเราสมัยนี้หาคนที่มีความคิดลึกซึ้งคมคายได้น้อยลงทุกวัน ขนาดคนวัย 40 กว่าแต่ยังคิดและเล่นอะไรแบบไม่ได้สาระก็มีให้เห็นอยู่ดาษดื่น ด้วยมุมมองอันแยบคายและน่าสนใจของผู้เขียน เราเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณรักมันอย่างไม่ยากเลย แต่ต้องขอติสำนักพิมพ์ Springbooks เล็กน้อยที่ยังปรูฟงานไม่แม่น มีคำที่สะกดแบบและลืมเปลี่ยนภาษาโผล่มาให้เห็น 2-3 จุด
ย่อหน้าข้างบนนี้เป็นเหมือนบทวิจารณ์หรือจะเรียกว่าติชมก็ได้ที่เรามีถึงตัวหนังสือจริงๆ ข้อดีก็คือมุมมองชีวิตของผู้เขียน ข้อเสียอยู่ที่การตรวจปรูฟตัวสะกด ง่ายๆแค่นั้นแหละ แต่สิ่งที่เรากำลังจะพูดต่อไปนี้เป็นความรู้สึกจริงๆที่เรามีต่อเนื้อหาเรื่องเล่าของผู้เขียน
ในเนื้อหาตั้งแต่ช่วงกลางเล่มเป็นต้นไปที่ผู้เขียนเล่าถึงวิถีชีวิตของคนในหมู่บ้านที่มีความคิดแบบอนุรักษ์นิยมมันทำให้เราหงุดหงิดเอามากๆเลย พ่อแม่ทำเหมือนลูกสาวเป็นสินค้า จับแต่งงานกับใครก็ต้องไป เพราะขี้เกียจเลี้ยง แต่งงานออกไปซะคนในบ้านก็ลดลงไปคนนึง ไม่ต้องแย่งกันกินกันใช้ ตัวลูกๆเองไม่ว่าจะหญิงจะชายก็ฟังคำสั่งพ่อแม่แบบซ้ายหันขวาหันโดยไม่ปริปากบ่น เกิดมาชาตินึงไม่มีสิทธิ์เลือกเส้นทางดำเนินชีวิตของตัวเอง ไม่แม้แต่จะคิดว่าอยากเลือกเองด้วยซ้ำ เหมือนใช้ชีวิตเป็นหุ่นกันไปวันๆ พ่อแม่จะเชิดไปทางไหนก็เอา เหมือนไม่มีสมองไม่มีหัวจิตหัวใจเลย เรารู้สึกว่าชีวิตแบบนี้เป็นชีวิตที่ต้องสาป ถ้าต้องให้เรามีชีวิตแบบนี้เราขอตายดีกว่า ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม อ่านแล้วบอกตรงๆว่าหงุดหงิดมาก ในหัวนึกขึ้นมาอย่างร้ายกาจว่าอยากจับมนุษย์โลกที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมจัดไปรมแก๊สตายให้หมดท่าจะดี เพราะขัดขวางความเจริญของโลกมากๆ ไม่มีคนพวกนี้ประชากรโลกส่วนนึงคงมีความสุขขึ้นเยอะ
ด้วยความที่หนังสือมีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่ว่าถึงเรื่องความเป็นอนุรักษ์นิยมที่น่าอึดอัดใจ เราเลยคิดว่าหนังสือเล่มนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับคนที่แอนตี้ระบบความคิดแบบนั้นสักเท่าไหร่ เพราะอ่านแล้วจะทำให้หงุดหงิดและโกรธมากเลยทีเดียว มิไยที่ผู้เขียนจะย้ำนักย้ำหนาว่าเราไม่ควรเอาวัฒนธรรมตัวเองไปตัดสินวัฒนธรรมของคนอื่น แต่ความเป็นจริงของเนื้อเรื่องจะทำให้คิดตลอดว่ามันคือวัฒนธรรมที่เลวร้ายและสำควรเป็นอย่างมากที่จะต้องกำจัดทิ้งให้ไปเสียจากโลกนี้ ถึงแม้เนื้อหาจะเป็นมุมบวกและได้ข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิต แต่อิสระชนที่เกลียดการบังคับคงจะต้องอึดอัดใจกับเนื้อหาหลายบทหลายตอนทีเดียว ก็เอาเป็นว่าพิจารณากันเอาเองนะว่าจะลองเสี่ยงดีหรือไม่
อ่านอะไรต่อดี >> ไม่รู้จะแนะนำอะไร เพราะยังไม่เคยเจอหนังสือเล่มไหนที่ให้อารมณ์ใกล้เคียงเล่มนี้มาก่อน
อ่านอะไรต่อดี >> ไม่รู้จะแนะนำอะไร เพราะยังไม่เคยเจอหนังสือเล่มไหนที่ให้อารมณ์ใกล้เคียงเล่มนี้มาก่อน
No comments :
Post a Comment