เราเชื่อมั่นอย่างเหลือเกินว่าวัยรุ่นยุค 90 ที่มีใจรักเพลงสากลนั้นไม่มีใครที่ไม่รู้จักนิตยสาร POP เรากล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าวัยรุ่นแต่ละคนที่เคยบ้าฟังเพลงฝรั่งแบบเราล้วนแล้วแต่เคยเป็นสาวกปอปกันมาก่อนทั้งนั้นแหละ และเชื่อขนมกินได้เลยว่าเหล่าสาวกทั้งหลายจะไม่พลาดหนังสือเล่มนี้อย่างแน่นอน
ขอบฟ้าอยู่ใต้ฝ่าเท้า คือผลงานรวมบทบรรณาธิการจากนิตยสาร POP ที่มีบ.ก.ตี้ หรือที่เราจะรู้จักกันในแบบทางการว่าสุรจักร์ ชัยวรศิลป์ (ณ วันนี้เจ๊ตี้แกเปลี่ยนชื่อใหม่เพราะพริ้งเก๋ไก๋ว่า ธิชา) บทบรรณาธิการที่คัดมารวมเล่มนี้ส่วนมากก็เป็นบทเด่นๆที่พวกเราผ่านตากันมาแล้วทั้งนั้น ทุกครั้งที่เราซื้อปอปมา สิ่งแรกที่เราจะเปิดอ่านก็คือบทบรรณาธิการของเจ๊แกนี่แหละ และเชื่อหรือไม่ว่าเราไม่เคยทำสิ่งเดียวกันนี้กับนิตยสารหัวอื่นเลยจนถึงปัจจุบัน ชื่นชมในความกล้าของบ.ก.ผู้รวมเล่มอย่างวรพจน์ พันธุ์พงษ์ กับพิมพ์บูรพาจริงๆที่ใจกล้าเลือกงานเขียนที่แสนจะผิดแผกผ่าเหล่าในสังคมไทยแบบนี้มาพิมพ์
พูดได้เลยว่าทัศนคติ ความคิดความอ่าน และสไตล์การเขียนของเจ๊แกนั้นเราได้ซึมซับมาแทบจะเรียกว่าทุกอณูเลยทีเดียว เราค้นพบว่าเราชอบเขียนหนังสือก็เพราะเราได้อ่านงานของเจ๊แกนี่แหละ เหมือนกับที่เจ๊แกเขียนไว้ในตอนเป็นในสิ่งที่เราเป็น เจ๊แกบอกว่า .. ฉันชอบหนังสือที่ภาษาสวยและรวยอารมณ์ขัน .. นั่นแหละ เราเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน และถ้าจะไม่เป็นการชมตัวเองเกินไป หลายๆคนที่ได้อ่านบล็อกส่วนตัวหรือบทความของเราหรือแม้แต่การตอบกระทู้บ้าๆบอๆก็ชมว่าเราเป็นคนเขียนสนุกและปากจัดดี
ถ้าจะพูดถึงเรื่องทัศนคติแล้ว เราได้รับการถ่ายทอดมาเต็มๆคล้ายกับไปนั่งอ้าปากให้เจ๊แกถ่ายตะขาบใส่เหมือนละครทายาทอสูรก็มิปาน ไม่ว่าจะเป็นตอนการศึกษาในกะลา อย่ากักขังพลังในตัวเธอ คิดนอกคอก กระทรวงวัฒนธรรม ทุกถ้อยคำทุกตัวอักษรที่ร้อยเรียง มันล้วนแล้วแต่ตรงกับความคิดเราทุกประการ ก่อนหน้านี้เรารู้สึกอยู่คนเดียวว่าเราคิดอะไรแปลกแยกไปจากคนในสังคมไทยส่วนใหญ่ แต่เมื่อเราได้อ่านบทบรรณาธิการของเจ๊ตี้มากขึ้น เราก็รู้สึกเหมือนกับว่าเราไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว ภายใต้ท้องฟ้าของไทยแลนด์แดนสะตอเบอแหลแ่ห่งนี้ยังมีใครบางคนที่คิดอะไรๆเหมือนกับเราอยู่ ความจริงจะว่าไปก็ไม่ใช่แค่เพียงตอนที่ยกตัวอย่างมานี้เท่านั้นที่มันตรงกับใจ ต้องบอกว่าทุกบททุกตอนก็ยังไม่เกินจริงไปเลยด้วยซ้ำ
มีความรู้สึกมากมายเหลือเกินที่อยากจะพูดอยากจะบอกเพื่อจะสื่อสารว่าเรารักหนังสือเล่มนี้มากแค่ไหน แต่ก็จนด้วยเกล้าที่จะหาคำอะไรมาบรรยายความรู้สึกที่มันท่วมท้นนี้ได้จริงๆ เพราะมันคือหนังสือที่เขียนโดยบุคคลที่เราึยึดถือเป็นไอดอล มันเป็นหนังสือที่ทำให้เราเลิกคิดว่าเราผิดปกติและแปลกแยก และมันคือหนังสือที่ทำให้เรารู้ตัวว่าเรารักการเขียนด้วยภาษาสวยๆและร่ำรวยในอารมณ์ขันมากเพียงใด ถ้าจะพอมีอะไรที่จะใช้เป็นประจักษ์พยานถึงความรักของเราที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ได้ ก็คงเป็นการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลของมันอยากลำบากยากเย็นกว่าจะไปถึงมือเรานั่นแหละ
เรื่องก็มีอยู่ว่าตอนที่เราจัดกระเป๋าเตรียมจะไปเรียนต่อต่างประเทศนั้น เราหาหนังสือเล่มนี้ไม่เจอ มันอยู่ซอกไหนของบ้านไม่รู้ ก็เลยไม่ได้เอาติดไปด้วย ผ่านไปหลายเดือนกับชีวิตในประเทศที่ไม่คุ้นเคย เราคิดถึงหนังสือเล่มนี้จับใจ เลยบอกแฟน (ณ วันนี้เป็นแฟนเก่าไปแล้ว) ว่าให้ช่วยหาซื้อให้หน่อย จะสั่งจากสำนักพิมพ์โดยตรงหรือหาใครที่ขายมือสองก็ได้ เขาก็จัดการซื้อให้อย่างดิบดี ทีนี้ติดที่การส่งละ เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่าส่งพัสดุข้ามประเทศนั้นแพงพอสมควร ด้วยความงกที่มีเราเลยไปตั้งกระทู้ถามในเวบบอร์ดที่เล่นประจำว่าถ้าจะส่งหนังสือสักเล่มไปยังประเทศที่เราอยู่นั้นน่ะมันน่าจะเสียเงินสักกี่มากน้อย แล้วก็เหมือนพระมาโปรด มีคุณพี่สมาชิกท่านนึงที่อยู่รัฐเดียวกับเรากลับไปเยี่ยมญาติที่กรุงเทพฯมาเจอกระทู้เราเข้าพอดี คุณพี่เขาเลยอาสาว่าจะขนมาให้ โดยให้แฟนเราส่งไปรษณีย์แค่เพียงในไทยไปถึงบ้านพี่เขาแถวหนองแขม จากนั้นคุณพี่จะนำติดตัวมาด้วย พอถึงแล้วจะส่งไปรษณีย์ต่อมาให้เรายังเมืองที่เราอยู่ ขั้นตอนทั้งหมดเบ็ดเสร็จนี้ใช้เวลาประมาณ 3 อาทิตย์ เราก็ได้หนังสือสุดรักมาอ่านสมใจ ต้องขอขอบคุณแฟนเก่าและคุณพี่ผู้ใจดีไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
คงจะไม่ผิดนักถ้าเราจะบอกว่าขอบฟ้าอยู่ใต้ฝ่าเท้าและบ.ก.ตี้คือหนังสือและบุคคลที่ทำให้เรามีความคิดในแบบที่เป็นทุกวันนี้ เป็นหนังสือและคนที่ทำให้เราเชื่อมั่นในความเป็นตัวตนและจุดยืนของเรา ทำให้เรารักและภูมิใจกับการเป็นในสิ่งที่เราเป็น
อ่านอะไรต่อดี >>> Letter to Hell by เจ๊เฮลล์
น่าอ่านมากค่ะ อ่านแล้วคงจะรู้สึกว่าคงไม่ได้มีเราคนเดียวกระมังที่ผ่าเหล่า 55555
ReplyDeleteลองหาในเนทได้นะคะ ยังพอมี หรือลองโทรถามที่พิมพบูรพาดูได้ สั่งซื้อได้ทางไปรษณีย์เลยค่ะ อ่านแล้วจะรู้ว่าเราไม่ได้ผิดปกติ ยังมีคนที่คิดเหมือนเราอยู่ในประเทศนี้จริงๆ
Delete