Thursday, 26 June 2014

พาทัวร์ Dasa Book Café

สำหรับนักอ่านที่มีความชื่นชอบในการอ่านนิยายภาษาอังกฤษอย่างเราๆก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่านิยายภาษาอังกฤษที่มีขายกันอยู่ในร้านหนังสือภาษาอังกฤษชั้นนำของบ้านเรานั้นราคาแพงจับใจ ถ้าไม่ได้รวยเหลือเฟือมีสตางค์เหลือกินเหลือใช้จริงๆแล้วละก็ เวลาที่เสียเงินซื้อหนังสือทีไรเรียกได้ว่าต้องกินแกลบกันทุกทีเลยแหละ แถมพอมอง wishlist ที่ยังมียาวเป็นหางว่าวก็พาลท้อใจ นี่ฉันจะต้องกินแกลบไปอีกนานแค่ไหน หรือจะเลิกอ่านมันให้หมดรู้แล้วรู้แร่ดดี แต่วันนี้เราพบตัวช่วยแล้วค่ะ จะเป็นที่ไหนนั้นลองตามไปดูกันเลยนะ


Dasa Book Café เป็นร้านหนังสือภาษาอังกฤษมือสอง ตั้งอยู่บนทำเลทองของชาวต่างชาตินั่นก็คือถนนสุขุมวิทนั่นเอง การเดินทางก็ไม่ยากเย็นเลย เพียงแค่นั่ง BTS ไปลงที่สถานีพร้อมพงษ์แล้วเดินลงทางออกฝั่งเอ็มโพเรียม จากนั้นให้เดินเลยไปทางซอย 26 ค่ะ ข้ามถนนตรงซอยไปเลย จะเจอร้านตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 26 กับ 28 นั่นแหละ จุดสังเกตก็คือจะมีแกลอรีเปียโนตั้งอยู่ไม่กี่คูหาก่อนถึงร้านค่ะ



ตัวร้านเองเป็นตึกแถวขนาดหนึ่งคูหา ด้านหน้ามีป้ายสีเหลืองเห็นเด่นชัดเลยทีเดียว และจะมีโต๊ะกระบะหนังสือลดราคาวางอยู่ติดหน้าร้านเป็นประจำทุกวันด้วย ขอกระซิบบอกตรงนี้เลยแล้วกันว่าเรามักจะหาของดีราคาถูกจนน่าตกใจได้จากกระบะนี้เสมอ (Angels&Demons ของ Dan Brown ที่ราคา 29 บาท อีกเล่มคือ Balzac and the Little Chinese Seamstree ของ Dai Sijie หนังสือที่กลายเป็นหนังอาร์ทชื่อดังการันตีโดย Sundance ก็ได้มาในราคาเท่ากัน) แค่ออกแรงคุ้ยกันนิดหน่อยก็อาจจะได้หนังสือที่ชอบในราคาโดนๆโดยที่ยังไม่ต้องเข้าไปข้างในเลยด้วยซ้ำ


เมื่อเข้ามาภายในตัวร้าน ชั้นแรกเราก็จะพบกับคอลเลคชั่นหนังสือขนาดใหญ่ละลานตาเต็มสองฟากกำแพงร้านเลยค่ะ ซึ่งจะเป็น general fiction เป็นส่วนมากค่ะ เลือกกันแบบไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว ครั้งแรกที่ไปรู้สึกตื่นเต้นมากจนไม่รู้จะเริ่มเลือกหาตรงไหนก่อนดี มีอาการแบบบ้านนอกเข้ากรุงเลยก็ว่าได้ เพราะไม่เคยเจอกับร้านหนังสือมือสองที่มีการจัดร้านได้สวยและเป็นระบบระเบียบขนาดนี้ในบ้านเรามาก่อนเลยค่ะ ด้านหน้าของเคาน์เตอร์จะมีชั้นหนังสือมาใหม่ด้วย อะไรที่เพิ่งเข้าร้านมาสดๆร้อนๆเขาก็จะเอามาไว้ที่มุมนี้แหละ มีของดีๆเพียบนะบอกเลย หลังเคาน์ตอร์เขามีมุมกาแฟด้วย สำหรับใครที่อยากจิบกาแฟและนั่งเลือกหนังสือไปพลางๆก็สามารถทำได้ ราคากาแฟถือว่าถูกกว่าร้านอื่นๆในทำเลนี้แล้วละ ยิ่งช่วงนี้เข้าหน้าฝน ได้นั่งจิบกาแฟติดฝนในร้านกับหนังสือดีๆที่เลือกไว้ก็มีความสุขดีออกนะ หลังจากที่เดินเลยเคาน์เตอร์เข้าไปด้านในก็จะถึงส่วนของหนังสือประเภทศิลปะ ท่องเที่ยว guide book สอนภาษา ภาพถ่าย และงานฝีมือต่างๆค่ะ




จากนั้นเราจะเจอกับบันไดเพื่อขึ้นไปยังชั้นสองค่ะ ในชั้นนี้จะมีหนังสือมากมายหลายประเภทด้วยกัน ถ้าเราขึ้นบันไดมาและเดินตรงเข้าไปเลย เราก็จะเจอกับนิยายลึกลับอยู่ฝั่งซ้ายมือ ต้องขอบอกเลยว่าคอลเลคชั่นของที่นี่อลังการงานสร้างมากจริงๆ ใครที่เป็นแฟนนิยายแนวนี้เชิญแวะมาได้เลย รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน มีให้เลือกกันหูตาลายเลยแหละ ในชั้นฝั่งขวาเราจะพบกับหนังสือชีวประวัติบุคคลและบันทึกชีวิต ซึ่งก็มีหนังสือของบุคคลดังระดับโลกในแวดวงต่างๆให้เลือกมากมาย หากเดินเลี้ยวขวาไปอีกด้าน เราก็จะพบกับคอลเลคชั่นนิยายแฟนตาซีและไซไฟที่มีหนังสือหลากหลายไม่แพ้กัน ส่วนด้านขวาถ้าเราจะไม่ผิดจะเป็นหนังสือหมวดธุรกิจและการเมืองการปกครองรวมทั้งประวัติศาสตร์ด้วย ถึงจะมีไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่แต่มีเล่มที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน



ยังคงอยู่กันที่ชั้นสองนะคะ หลังจากที่เดินผ่านโซนแฟนตาซีมาจนถึงบันไดที่จะขึ้นต่อไปยังชั้นสาม อย่าเพิ่งขึ้นไปนะ ให้มองเลยไปทางหลังบันไดก่อน ตรงนั้นเป็นมุมของดีสำหรับสาวๆค่ะ เพราะนิยาย chick-lit และโรมานซ์รอคุณอยู่ ที่นีมีงานของนักเขียนดังๆให้เลือกครบเลยละ และในฝั่งตรงข้ามกันก็เป็นชั้นหนังสือเด็กค่ะ มีทั้งหนังสือสำหรับเด็กเล็กเลยไปถึงเด็กโตเลยนะ ไม่ว่าคุณจะมองหานิทานน่ารักๆให้เด็กตัวน้อยๆ หรือวรรณกรรมเยาวชนเรื่องดังๆ เลยไปจนถึง YA ที่กำลังบูมในยุคหลังนี้ก็สามารถหาได้ที่ชั้นนี้ละค่ะ แต่ยังไม่หมดแค่นี้นะ มันจะมีซอกเล็กๆอีกซอกนึงที่ซ่อนตัวอยู่ ในซอกนี้เราจะพบกับตำราทำอาหารอย่างดี เป็นพวก cook book ของเชฟดังๆระดับโลก รวมทั้งตำราอาหารเพื่อสุขภาพมากมาย ยังจ้า ยังไม่หมดเท่านั้น ยังมีหนังสือสำหรับแม่และเด็กให้ได้เลือกกันอีก รวมไปถึงหนังสือแนว sex life และความรักความสัมพันธ์ต่างๆก็ถูกจัดไว้ที่มุมนี้ด้วย






หลังจากที่เต็มอิ่มกับชั้นสองแล้วก็ได้เวลาขึ้นไปลุยที่ชั้นสามกันต่อค่ะ ขึ้นบันไดมาปุ๊บเราก็จะสะดุดตากับชั้นหนังสือติดผนังทรงกลมที่อยู่ตรงกำแพงด้านขวาทันที ในชั้นนี้จะเป็นหนังสือแนวตลกขบขันค่ะ มีไม่เยอะเท่าไหร่ รู้สึกเหมือนว่าคนไม่ค่อยสนใจมากด้วย เพราะเวลาไปทีไรก็เห็นแต่เล่มเดิมๆทุกที มาต่อกันที่ชั้นฝั่งซ้ายค่ะ จะเป็นหนังสือแนวปรัชญาและศาสนาซะครึ่งนึง ส่วนอีกครึ่งจะเป็นหนังสือภาษาต่างประเทศอื่นๆค่ะ เช่น ฝรั่งเศส ดัชท์ สแกนดิเนเวียน สแปนิช อิตาเลียน เป็นต้น ในชั้นฝั่งตรงข้ามกันนั้นเราจะเจอกับหนังสือหมวดเพลงและศิลปินค่ะ มีทั้งประวัติวง ประวัติดนตรีแขนงต่างๆ มีหลายเล่มที่น่าสนใจและขายดีมากๆเลย บางทีเรากลับไปอีกครั้งของก็ออกไปแล้ว หลายเล่มมากด้วย ตามมาด้วยหมวดจิตวิทยา นอกจากนี้ยังมีอีกชั้นข้างๆกันที่รวบรวมหนังสือบทละครและบทกลอนไว้ค่ะ ใครที่เป็นแฟนบทละครระดับโลกและนักกวีชื่อก้องก็ให้มาหาได้ที่นี่เลย


และในชั้นสามนี้ยังมีมุมเด็ดอีกมุมคือ blow-out books ค่ะ เป็นหนังสือลดแหลก ที่สภาพก็ตามราคาอะนะคะ แหลกบ้างเยินบ้างปะปนกันไป เท่าที่เราเคยลองคุ้ยดูไม่ค่อยเจอหนังสือดังๆหรือดูเป็นที่ต้องการของตลาดมากเท่าไหร่ แต่ยังไงก็อยากให้ลองมาคุ้ยดูค่ะ อาจจะเจออะไรที่ไม่นึกไม่ฝันซ่อนตัวอยู่ก็ได้นะ อีกส่วนที่เหลือก็จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับสัตว์ สิ่งแวดล้อม หนังสือเกี่ยวกับกีฬาประเภทต่างๆรวมทั้งนักกีฬาดังๆ และหนังสืออาชญากรรมค่ะ ท้ายสุดก่อนที่จะลงบันไดกลับลงไปก็จะมีโต๊ะตัวนึงที่เอาไว้วาง graphic novel แอบเจอเรื่องดังๆหลายเล่มเหมือนกันนะ

พาเดินชมทั่วร้านแล้วก็ขอมาพูดถึงสภาพหนังสือและสนนราคาบ้างแล้วกันเนอะ ถ้าถามความเห็นเรานะ หนังสือในชั้นปกติที่ร้านนี้เราให้สภาพเกิน 70% หมดเลยละ อาจจะมีรอยยับ รอยพับ หักงอที่มุมปกบ้าง แต่ทางร้านก็จะเคลือบเทปใสดามรอยให้ กระดาษเหลืองเก่าเล็กน้อย มีรามีฝ้าหนังสือบางๆตามแบบฉบับของหนังสือเก่า หนังสือที่เปียกน้ำจนย่นก็โผล่มาให้เห็นบ้างเล็กน้อย เข้าใจว่าน่าจะมาจากนักเดินทางที่อาจจะไม่ค่อยระวังเท่าไหร่ หนังสือค่อนข้างผ่านมาหลายมือก็เลยช้ำมากหน่อย ในขณะที่หนังสือหลายๆเล่มก็สภาพดีมาก เกิน 90% เลยด้วยซ้ำ เหมือนเจ้าของเดิมซื้อมาอ่านรวดเดียวจบในวันเดียวแต่ไม่ชอบเลยเอามาขายต่อ หรือไม่ซื้อมาสุมจนหมดความอยากอ่านก็เลยขายทิ้ง ทีนี้มาว่าที่เรื่องราคากันต่อ หนังสือในร้านที่ราคาถูกที่สุดที่เราเคยเจอมาก็ 9 บาท เป็นหนังสือภาษาฝรั่งเศสเล่มสี่เหลี่ยมเล็กๆจากกอง blow-out ที่ชั้นสาม (มีในรูปด้านบน ลองมองหาดูดีๆจะเห็น) พวกหนังสือจากกองลดแหลกราคาจะถูกกว่าเป็นปกติ ก็จะไล่ไปตั้งแต่ 19 29 49 79 99 ประมาณนี้ค่ะ ซึ่งมีปะปนกันไปทั้งปกอ่อนและปกแข็งนะ เราเองเคยได้นิยายปกแข็งมาในราคา 79 บาท สภาพก็โอเคเลยแหละ ส่วนหนังสือตามชั้นปกติราคาก็จะเริ่มตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไปค่ะ ซึ่งราคาก็ตามสภาพอะค่ะ บวกกับตัวแปรอีกอย่างคือความนิยมด้วย บางเล่มที่มีมากกว่าหนึ่งก๊อปปี้ก็อาจจะมีหลายราคาให้เลือกซื้อตามแต่สภาพความเยินของหนังสือ พอใจเล่มไหนเลือกได้ค่ะ หนังสือจากชั้นปกติที่ราคาแพงถึง 300-400 ส่วนมากจะเป็นตำราทำอาหารและพวก guide book ที่ออกใหม่ๆหน่อยค่ะ แล้วก็พวกหนังสือศิลปะที่เป็นปกแข็ง มีภาพประกอบสี่สีทั้งเล่มอะไรแบบนี้ นอกนั้นก็จะมีหนังสือหายากสำหรับนักสะสมที่จะราคาแพงเข้าหลักพันไปเลยค่ะ

นอกจากนี้เรายังสามารถนำหนังสือเก่าของเราไปขายได้ด้วยนะ จะเลือกรับเป็นเงินสดหรือเป็นเครดิตเพื่อเทรดกับหนังสือที่ขายในร้านก็ได้ แม้แต่หนังสือที่ซื้อไปจากร้านก็เอากลับมาเทรดได้เช่นกันค่ะ ถ้านำกลับมาภายในปีนึงหลังจากซื้อไปก็จะได้เครดิตสูงเลยแหละ แล้วแลกเป็นเล่มใหม่ไปอ่าน ระบบนี้ดีมากๆเลยนะ เราเคยรู้มาว่าร้านหนังสือมือสองในต่างประเทศเขาทำกันแบบนี้ แต่ไม่เคยเจอร้านในไทยร้านไหนเลยที่ทำ ก็เพิ่งมาเจอกับ Dasa เป็นที่แรกนี่ละค่ะ 


ท้ายสุดแล้วจะบอกว่าทางร้านเขามีเวบไซต์ด้วยนะ ลองเข้าไปเช็ครายการหนังสือที่เข้าใหม่ประจำวันดูได้ เขาจะอัพขึ้นเวบตอนค่ำๆเวลาใกล้ปิดร้านของทุกวันเลยละ อ้อ ร้านเขาเปิดช่วงสิบโมงเช้าถึงสองทุ่มนะ นอกจากนี้ยังจะอัพรายการของหนังสือทั้งหมดในร้านด้วย อัพเป็นไฟล์ .xls เลยทีเดียว เข้าไปโหลดมาเช็คได้ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ค่ะ ที่เด็ดอีกอย่างคือคุณสามารถสั่งหนังสือได้ทางอีเมล์ด้วยนะ อยากได้เล่มไหนก็ก๊อปปี้ข้อมูลจากรายการบอกทางร้านได้เลย แล้วเขาจะรวบรวมราคาพร้อมค่าส่งให้ เหมาะสำหรับคนบ้านไกลที่ไม่ค่อยมายด์ว่าจะต้องเห็นหนังสือตัวจริงก่อนซื้อ เราเองเวลามีหนังสือที่อยากได้มากๆจนกลัวคนจะตัดหน้าซื้อไปก่อนแต่ไม่สะดวกจะแวะไปก็ใช้วิธีนี้แหละ ถ้าไม่วอนท์มากจริงๆเราก็ยอมเสี่ยงรอไปเลือกเองที่ร้านดีกว่า เพราะเราชอบที่จะได้สูดกลิ่นหอมชื่นใจของหนังสือเก่าในบรรยากาศแบบนี้ที่สุดเลยละ



No comments :

Post a Comment

Copyright © 2014 That bitch reads!

Designed By Darmowe dodatki na blogi