Dasa Book Café เป็นร้านหนังสือภาษาอังกฤษมือสอง ตั้งอยู่บนทำเลทองของชาวต่างชาตินั่นก็คือถนนสุขุมวิทนั่นเอง การเดินทางก็ไม่ยากเย็นเลย เพียงแค่นั่ง BTS ไปลงที่สถานีพร้อมพงษ์แล้วเดินลงทางออกฝั่งเอ็มโพเรียม จากนั้นให้เดินเลยไปทางซอย 26 ค่ะ ข้ามถนนตรงซอยไปเลย จะเจอร้านตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 26 กับ 28 นั่นแหละ จุดสังเกตก็คือจะมีแกลอรีเปียโนตั้งอยู่ไม่กี่คูหาก่อนถึงร้านค่ะ
เมื่อเข้ามาภายในตัวร้าน ชั้นแรกเราก็จะพบกับคอลเลคชั่นหนังสือขนาดใหญ่ละลานตาเต็มสองฟากกำแพงร้านเลยค่ะ ซึ่งจะเป็น general fiction เป็นส่วนมากค่ะ เลือกกันแบบไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว ครั้งแรกที่ไปรู้สึกตื่นเต้นมากจนไม่รู้จะเริ่มเลือกหาตรงไหนก่อนดี มีอาการแบบบ้านนอกเข้ากรุงเลยก็ว่าได้ เพราะไม่เคยเจอกับร้านหนังสือมือสองที่มีการจัดร้านได้สวยและเป็นระบบระเบียบขนาดนี้ในบ้านเรามาก่อนเลยค่ะ ด้านหน้าของเคาน์เตอร์จะมีชั้นหนังสือมาใหม่ด้วย อะไรที่เพิ่งเข้าร้านมาสดๆร้อนๆเขาก็จะเอามาไว้ที่มุมนี้แหละ มีของดีๆเพียบนะบอกเลย หลังเคาน์ตอร์เขามีมุมกาแฟด้วย สำหรับใครที่อยากจิบกาแฟและนั่งเลือกหนังสือไปพลางๆก็สามารถทำได้ ราคากาแฟถือว่าถูกกว่าร้านอื่นๆในทำเลนี้แล้วละ ยิ่งช่วงนี้เข้าหน้าฝน ได้นั่งจิบกาแฟติดฝนในร้านกับหนังสือดีๆที่เลือกไว้ก็มีความสุขดีออกนะ หลังจากที่เดินเลยเคาน์เตอร์เข้าไปด้านในก็จะถึงส่วนของหนังสือประเภทศิลปะ ท่องเที่ยว guide book สอนภาษา ภาพถ่าย และงานฝีมือต่างๆค่ะ
จากนั้นเราจะเจอกับบันไดเพื่อขึ้นไปยังชั้นสองค่ะ ในชั้นนี้จะมีหนังสือมากมายหลายประเภทด้วยกัน ถ้าเราขึ้นบันไดมาและเดินตรงเข้าไปเลย เราก็จะเจอกับนิยายลึกลับอยู่ฝั่งซ้ายมือ ต้องขอบอกเลยว่าคอลเลคชั่นของที่นี่อลังการงานสร้างมากจริงๆ ใครที่เป็นแฟนนิยายแนวนี้เชิญแวะมาได้เลย รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน มีให้เลือกกันหูตาลายเลยแหละ ในชั้นฝั่งขวาเราจะพบกับหนังสือชีวประวัติบุคคลและบันทึกชีวิต ซึ่งก็มีหนังสือของบุคคลดังระดับโลกในแวดวงต่างๆให้เลือกมากมาย หากเดินเลี้ยวขวาไปอีกด้าน เราก็จะพบกับคอลเลคชั่นนิยายแฟนตาซีและไซไฟที่มีหนังสือหลากหลายไม่แพ้กัน ส่วนด้านขวาถ้าเราจะไม่ผิดจะเป็นหนังสือหมวดธุรกิจและการเมืองการปกครองรวมทั้งประวัติศาสตร์ด้วย ถึงจะมีไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่แต่มีเล่มที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน
ยังคงอยู่กันที่ชั้นสองนะคะ หลังจากที่เดินผ่านโซนแฟนตาซีมาจนถึงบันไดที่จะขึ้นต่อไปยังชั้นสาม อย่าเพิ่งขึ้นไปนะ ให้มองเลยไปทางหลังบันไดก่อน ตรงนั้นเป็นมุมของดีสำหรับสาวๆค่ะ เพราะนิยาย chick-lit และโรมานซ์รอคุณอยู่ ที่นีมีงานของนักเขียนดังๆให้เลือกครบเลยละ และในฝั่งตรงข้ามกันก็เป็นชั้นหนังสือเด็กค่ะ มีทั้งหนังสือสำหรับเด็กเล็กเลยไปถึงเด็กโตเลยนะ ไม่ว่าคุณจะมองหานิทานน่ารักๆให้เด็กตัวน้อยๆ หรือวรรณกรรมเยาวชนเรื่องดังๆ เลยไปจนถึง YA ที่กำลังบูมในยุคหลังนี้ก็สามารถหาได้ที่ชั้นนี้ละค่ะ แต่ยังไม่หมดแค่นี้นะ มันจะมีซอกเล็กๆอีกซอกนึงที่ซ่อนตัวอยู่ ในซอกนี้เราจะพบกับตำราทำอาหารอย่างดี เป็นพวก cook book ของเชฟดังๆระดับโลก รวมทั้งตำราอาหารเพื่อสุขภาพมากมาย ยังจ้า ยังไม่หมดเท่านั้น ยังมีหนังสือสำหรับแม่และเด็กให้ได้เลือกกันอีก รวมไปถึงหนังสือแนว sex life และความรักความสัมพันธ์ต่างๆก็ถูกจัดไว้ที่มุมนี้ด้วย
หลังจากที่เต็มอิ่มกับชั้นสองแล้วก็ได้เวลาขึ้นไปลุยที่ชั้นสามกันต่อค่ะ ขึ้นบันไดมาปุ๊บเราก็จะสะดุดตากับชั้นหนังสือติดผนังทรงกลมที่อยู่ตรงกำแพงด้านขวาทันที ในชั้นนี้จะเป็นหนังสือแนวตลกขบขันค่ะ มีไม่เยอะเท่าไหร่ รู้สึกเหมือนว่าคนไม่ค่อยสนใจมากด้วย เพราะเวลาไปทีไรก็เห็นแต่เล่มเดิมๆทุกที มาต่อกันที่ชั้นฝั่งซ้ายค่ะ จะเป็นหนังสือแนวปรัชญาและศาสนาซะครึ่งนึง ส่วนอีกครึ่งจะเป็นหนังสือภาษาต่างประเทศอื่นๆค่ะ เช่น ฝรั่งเศส ดัชท์ สแกนดิเนเวียน สแปนิช อิตาเลียน เป็นต้น ในชั้นฝั่งตรงข้ามกันนั้นเราจะเจอกับหนังสือหมวดเพลงและศิลปินค่ะ มีทั้งประวัติวง ประวัติดนตรีแขนงต่างๆ มีหลายเล่มที่น่าสนใจและขายดีมากๆเลย บางทีเรากลับไปอีกครั้งของก็ออกไปแล้ว หลายเล่มมากด้วย ตามมาด้วยหมวดจิตวิทยา นอกจากนี้ยังมีอีกชั้นข้างๆกันที่รวบรวมหนังสือบทละครและบทกลอนไว้ค่ะ ใครที่เป็นแฟนบทละครระดับโลกและนักกวีชื่อก้องก็ให้มาหาได้ที่นี่เลย
นอกจากนี้เรายังสามารถนำหนังสือเก่าของเราไปขายได้ด้วยนะ จะเลือกรับเป็นเงินสดหรือเป็นเครดิตเพื่อเทรดกับหนังสือที่ขายในร้านก็ได้ แม้แต่หนังสือที่ซื้อไปจากร้านก็เอากลับมาเทรดได้เช่นกันค่ะ ถ้านำกลับมาภายในปีนึงหลังจากซื้อไปก็จะได้เครดิตสูงเลยแหละ แล้วแลกเป็นเล่มใหม่ไปอ่าน ระบบนี้ดีมากๆเลยนะ เราเคยรู้มาว่าร้านหนังสือมือสองในต่างประเทศเขาทำกันแบบนี้ แต่ไม่เคยเจอร้านในไทยร้านไหนเลยที่ทำ ก็เพิ่งมาเจอกับ Dasa เป็นที่แรกนี่ละค่ะ
ท้ายสุดแล้วจะบอกว่าทางร้านเขามีเวบไซต์ด้วยนะ ลองเข้าไปเช็ครายการหนังสือที่เข้าใหม่ประจำวันดูได้ เขาจะอัพขึ้นเวบตอนค่ำๆเวลาใกล้ปิดร้านของทุกวันเลยละ อ้อ ร้านเขาเปิดช่วงสิบโมงเช้าถึงสองทุ่มนะ นอกจากนี้ยังจะอัพรายการของหนังสือทั้งหมดในร้านด้วย อัพเป็นไฟล์ .xls เลยทีเดียว เข้าไปโหลดมาเช็คได้ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ค่ะ ที่เด็ดอีกอย่างคือคุณสามารถสั่งหนังสือได้ทางอีเมล์ด้วยนะ อยากได้เล่มไหนก็ก๊อปปี้ข้อมูลจากรายการบอกทางร้านได้เลย แล้วเขาจะรวบรวมราคาพร้อมค่าส่งให้ เหมาะสำหรับคนบ้านไกลที่ไม่ค่อยมายด์ว่าจะต้องเห็นหนังสือตัวจริงก่อนซื้อ เราเองเวลามีหนังสือที่อยากได้มากๆจนกลัวคนจะตัดหน้าซื้อไปก่อนแต่ไม่สะดวกจะแวะไปก็ใช้วิธีนี้แหละ ถ้าไม่วอนท์มากจริงๆเราก็ยอมเสี่ยงรอไปเลือกเองที่ร้านดีกว่า เพราะเราชอบที่จะได้สูดกลิ่นหอมชื่นใจของหนังสือเก่าในบรรยากาศแบบนี้ที่สุดเลยละ
No comments :
Post a Comment